การปรับปรุง User Experience อีกส่วนสำคัญเพื่อโอกาสก้าวสู่กระแสหลักของ DeFi
ในช่วงภาวะตลาดขาลง DeFi มี Total Value Locked ลดลงไปประมาณกว่า 69% (ข้อมูลจากช่วงเดือนตุลาคม 2022) นับจากเดือนธันวาคม 2021 และมีกระแสข่าวในทางลบออกมามากมายอย่างเช่นเรื่องของ Scams หรือการล่มสลายของโปรเจกต์ต่างๆ แต่ในทางกลับกันในช่วงตลาดหมีหรือตลาดขาลงก็เป็นช่วงเวลาที่ดีของนักสร้างและนักพัฒนาที่กำลังพยายามปรับปรุง สร้างคอนเซปต์และโปรเจกต์ใหม่ๆ ขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งบทความนี้ SCB 10X จะพาไปเจาะประเด็นถึงหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่ควรได้รับการปรับปรุงเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ และเพื่อให้ DeFi สามารถเกิดการนำไปใช้เป็นกระแสหลักในอนาคต
ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience: UX) ใน DeFi กับเรื่องที่ควรปรับปรุง
ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience:UX) เป็นส่วนสำคัญที่ยังต้องได้รับการพัฒนาต่อเพื่อลดอุปสรรคในการใช้งานและเข้าถึงระบบนิเวศของ DeFi ยกตัวอย่างเช่นกระบวนการใน Wallet และแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนหรือโปรโตคอลต่างๆ ยังใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดพลาดจากการใช้งานและเกิดความสูญเสียจำนวนมาก
ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2020 มีนักเทรดคนหนึ่งต้องเสียค่าทำธุรกรรมกว่า 9,500 ดอลลาร์เพื่อเทรดธุรกรรมจำนวนเพียง 120 ดอลลาร์เท่านั้น เนื่องจากเกิดความสับสนในการใส่จำนวนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมใน Input Boxes รวมถึงแพลตฟอร์มไม่มีการจำกัดจำนวนสูงสุดในส่วนของ Gas Fee ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างจากความสับสนในส่วนของ UX ที่เป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาดจากมนุษย์ที่ต้องปรับปรุงต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้และนักลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับคริปโตเป็นอย่างดี เรื่องประสบการณ์ของผู้ใช้งาน อย่างเช่นการตั้งค่าบน Wallet อาจไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้ในกลุ่มนี้ แต่อาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ใช้ใหม่หรือผู้ที่ไม่ถนัดด้านเทคโนโลยี เนื่องจากต้องจัดการกับรหัสที่มีความซับซ้อนและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม (Gas Fees) หรือยังไม่เข้าใจกับศัพท์เฉพาะในโลกคริปโตที่อาจทำให้ผู้ใช้ใหม่สับสนและล้มเลิกไปในที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือที่ได้รับความนิยมและใช้งานได้ไม่ยากอย่างเช่น MetaMask สำหรับการสร้างและจัดการ Wallets ก็ตาม ปัจจุบัน DeFi ก็ยังคงต้องการแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ง่ายหรือ User-Friendly มากขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ใหม่สามารถจัดการกับบัญชีและทำธุรกรรมได้สะดวกยิ่งขึ้น
ความซับซ้อนในการใช้งานแพลตฟอร์ม DeFi สำหรับผู้ใช้ใหม่
การใช้งานแอปพลิเคชัน DeFi ผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ Wallet ประเภท Non-Custodial หรือหมายถึงกระเป๋าเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผู้ให้บริการไม่ได้เก็บรักษา Private Key ซึ่งผู้ใช้ต้องทำหน้าที่จัดเก็บด้วยตนเอง โดยจำเป็นต้องมีการสำรองรหัสสำหรับกู้คืนและเก็บไว้ในที่ปลอดภัย รวมไปถึงการใช้งาน dApp ผู้ใช้จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Wallet เข้ากับ dApp ซึ่งบางครั้งค่อนข้างมีความซับซ้อน
อีกความซับซ้อนอย่างหนึ่งในการทำธุรกรรมที่อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสน อย่างการตั้งค่าค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (Gas Fee) โดยหากขาดความเข้าใจก็อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดหรือดำเนินการได้ล่าช้ามาก รวมไปถึงมีกระบวนการที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากผู้ใช้ต้องทำธุรกรรมกับ Tokens ที่ถูกสร้างบนมาตรฐาน ERC-20 ของ Ethereum ซึ่งหากต้องทำการโอนย้ายก็จำเป็นต้องใช้สกุลเงินดิจิทัลเฉพาะในเครือข่ายสำหรับการทำธุรกรรม เช่น หากต้องการส่ง ER-20 Token ผู้ใช้ก็ต้องมีเหรียญ ETH อยู่ใน Wallet เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
นอกจากนี้ ที่ผ่านมามีแพลตฟอร์ม DeFi ได้เกิดขึ้นมากมายหลายประเภท โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีกฎ จุดประสงค์และกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้การใช้งานจริงยังเป็นเรื่องยากและซับซ้อนสำหรับผู้ใช้ใหม่ อย่างเช่นมีแพลตฟอร์มประเภท Lending และ Staking ไปจนถึงผู้ให้บริการสภาพคล่องหรือ Liquidity ที่ถึงแม้ว่าผู้ใช้จะมีความเข้าใจกระบวนการใช้งานที่แตกต่างกันของแพลตฟอร์มเหล่านี้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากในการติดตามและจัดการกับการใช้งานหลายแพลตฟอร์มไปพร้อมกัน
แนวทางแก้ปัญหาและปรับปรุงในเบื้องต้น: เพิ่มการให้ความรู้แก่ผู้ใช้และสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
แนวทางสำหรับการปรับปรุงเบื้องต้น นักพัฒนาควรสร้างระบบนิเวศ DeFi ที่ผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น อย่างเช่นเริ่มต้นจากการสร้าง dApp และ Wallet ที่ป้องกันความผิดพลาดจากการใส่ข้อมูลของมนุษย์ ซึ่งวิธีการป้องกันความผิดพลาดดังกล่าวมีกรณีการใช้งานจริงใน Centralized Exchanges ซึ่งนักพัฒนา DeFi สามารถนำนำมาปรับใช้กับแพลตฟอร์ม Decentralized หรือ Wallet ประเภท Noncustodial ได้เช่นกัน เป็นอีกแนวทางหนึ่งเพื่อช่วยให้ DeFi เกิดการเติบโต
และอีกประการสำคัญที่ขาดไม่ได้เพื่อจัดการกับอุปสรรคเหล่านี้ คือการศึกษาและให้ข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากหากผู้คนสามารถเรียนรู้ DeFi ในวิธีที่สามารถเข้าใจได้ง่ายขี้นก็สามารถช่วยให้พวกเขาหันมาสนใจใช้งานจริงมากยิ่งขึ้น โดยหากมีแหล่งข้อมูลสำหรับศึกษาด้าน DeFi โดยเฉพาะที่สามารถช่วยแจกแจงศัพท์เฉพาะของอุตสาหกรรมและมีการอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของ DeFi อย่างชัดเจนก็จะช่วยให้ผู้คนเกิดความเข้าใจและสนใจเข้ามาใช้งาน DeFi มากขึ้น