Stablecoins กับการเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตของ DeFi
ในปีที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรม DeFi ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในครั้งนี้ SCB 10X ได้นำมุมมองในเรื่องการเติบโตของ DeFi และ Stablecoin จากผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อย่าง Jeremy Allaire, Co-Founder, Chairman, และ CEO จาก Circle ที่ได้มาร่วมพูดคุยกับ Mike Kayamori, Co-Founder และ CEO จาก Liquid Global
Stablecoin ในมุมมองของ Jeremy Allaire
หลายท่านที่สนใจหรือติดตามเกี่ยวกับ DeFi และ Blockchain อาจทราบกันดีแล้วว่า Stablecoin หมายถึงเหรียญสกุลดิจิทัลอย่างหนึ่งที่มีมูลค่าค่อนข้างคงที่ ทั้งนี้เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในมุมมองของคุณ Jeremy ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Stablecoin ไว้ดังนี้
อย่างแรกผู้คนควรทำความเข้าใจในคอนเซ็ปต์ว่า USDC ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin นั้นเป็น Protocol ประเภทหนึ่ง และศูนย์กลางของ Stablecoin Protocols อย่าง Http ก็เป็น Protocol หนึ่งที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและคอนเทนต์ หรือ SMS ก็เป็น Protocol ที่เราใช้แลกเปลี่ยนข้อความระหว่างระบบต่างๆ มากมาย ซึ่ง Protocol เหล่านี้ล้วนมีอยู่เพื่อการประยุกต์ใช้งานที่แตกต่างกันบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้น Fiat Stablecoins และ Fiat Transaction Protocol จึงมีความเหมือนกันและมีการทำงานบนแพลตฟอร์มต่างๆ มากมายเช่นเดียวกัน โดยมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของพื้นฐานเกี่ยวกับด้านการเงินและกฎข้อบังคับในส่วนของ Infrastructure และมีความแตกต่างจาก Http อย่างชัดเจน
เมื่อพูดถึงบทบาทของ Stablecoin ก็สามารถเปรียบได้ว่าเป็น Protocol รากฐานสำหรับเงิน Fiat บนอินเทอร์เน็ต เราสามารถเห็นกรณีศึกษาได้ทั่วโลก คือทุกๆ การใช้งานตั้งแต่ใช้ซื้อกาแฟ ไปจนถึงใช้เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับ Debt Issuance หรือการใช้เป็นส่วนประกอบในการลงทุนเกี่ยวกับสัญญาทางการเงินต่างๆ
การเติบโตของ DeFi และความสำคัญ Stablecoin
Jeremy ได้ให้ความเห็นว่า ในปีที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า DeFi Protocols มีมูลค่ารวมที่เติบโตขึ้นอย่างมาก มีจำนวนคนที่ใช้งานทั้งในการกู้และยืมจำนวนมหาศาลแม้เป็นช่วงของการเริ่มต้นก็ตาม ส่วนในประเภทของอัตราดอกเบี้ยและตลาดทุนสำหรับสกุลเงินก็มีคนที่ทำเพื่อการเก็งกำไร รวมถึงอีกหลายจุดประสงค์อย่างการลงทุนและแลกเปลี่ยนสกุลเงิน โดยภาพรวมแล้วนับว่าเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมากของ DeFi เป็นตลาดที่มีความท้าทาย น่าตื่นเต้น และสามารถกระตุ้นความสนใจได้อย่างมาก
เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 ที่สิ่งต่างๆ ของ DeFi ยังเป็นเพียงแค่คอนเซ็ปต์และได้เห็นถึงความเป็นไปได้หลายอย่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับ Digital Currency ที่เปิดกว้างสำหรับเครือข่ายทั่วโลก โดย Jeremy ได้บอกอีกว่าน่าตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านการเงินของโลก
นอกจากนี้ ยังได้เห็นจุดเริ่มต้นของ DeFi อย่าง Infrastructure ที่มีความท้าทายในเรื่อง Scalability กับ Ethereum และเรื่องของ Layer 2 และอีกหลายอย่างที่จะเกิดในอนาคต ซึ่งมีนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายเกิดขึ้นกับส่วน Infrastucture และเขายังให้ความเห็นว่า DeFi จะสามารถเติบโตไปยังจุดที่คนจำนวนมหาศาลจะสามารถเข้าถึงได้และสามารถใช้ประโยชน์ได้ในที่สุด
ส่วนมุมมองของ Mike ก็ได้สรุปเพิ่มเติมไปในทางเดียวกัน คือในอุตสาหกรรม DeFi ยังคงมีความท้าทายและยังคงเป็นสิ่งใหม่ที่เราได้เห็นถึงความน่าตื่นเต้นของอุตสาหกรรมนี้กันไปแล้ว รวมถึง Demand ที่เพิ่มขึ้นและมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ได้เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงยังเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเติบโตของ DeFi จำเป็นต้องมี Stablecoin เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญเพื่อเข้ามาเกื้อกูลและเติบโตไปพร้อมกันกับ DeFi
มุมมองด้าน Regulator กับ Stablecoin ความท้าทายที่ยังต้องอาศัยระยะเวลาทำความเข้าใจ
DeFi กับด้าน Regulator นับว่าเป็นอีกความท้าทายหนึ่ง ซึ่งต้องมีการถอยกลับไปทำความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในส่วนของ Stablecoin กับกฎข้อบังคับที่มีลักษณะเฉพาะตัวหรือขอบเขตอำนาจในการควบคุมบางอย่างที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น โดย Jeremy พูดถึงการออกกฎข้อบังคับของ USDC ที่ยังเป็นแนวความคิดที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งมีหลายบริษัทที่กำลังพยายามจัดการในเรื่องนี้ โดยมีหลายสิ่งที่มีความสำคัญทั้งในแง่ของความถูกต้อง การคุ้มครอง ความปลอดภัย และความโปร่งใส ที่ต้องมีการสร้างรูปแบบของการกำกับดูแลตนเอง (Self-Governance) ขึ้นมา จากนั้นต้องนำมาทดลองใช้และเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส รวมถึงสิ่งสำคัญคือผู้ที่อยู่ใน Ecosystem นี้ต้องพยายามหาทางแก้ปัญหาในจุดที่ Regulator กำลังเป็นห่วงหรือสนใจอยู่เพื่อที่จะพัฒนาไปพร้อมกัน
อีกสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา คือสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Libra (ปัจจุบันรีแบรนด์เป็น Diem) ของ Facebook ซึ่งเป็นอีกเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาในการทดลองและเรียนรู้กับทาง Regulator ต่อไป