Slippage คืออะไรในโลก Crypto?
‘Slippage’ เป็นอีกคำคุ้นหูที่พบบ่อยในโลกของการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นทั่วไปจนมาถึงตลาด Cryptocurrency ซึ่งบทความนี้ SCB 10X จะพาไปทำความรู้จักกับคำนี้ให้มากขึ้นเนื่องจากมีความสำคัญกับการซื้อขายของนักลงทุนเป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการสูญเสียสินทรัพย์หรือขาดทุนในโลก Crypto ที่นักลงทุนต้องตระหนักถึง

Slippage คืออะไร?
Slippage หมายถึงการที่ผู้ลงทุนซื้อและขายในตลาดคริปโตต้องลงเอยด้วยการจบในราคาที่ “คลาดเคลื่อน” หรือแตกต่างจากราคาที่ผู้ลงทุนตั้งไว้ โดยเป็นเรื่องที่เกิดได้ทั่วไปและพบบ่อยในตลาดคริปโต เนื่องจากตลาดขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วและตลาดมีความผันผวนของราคาค่อนข้างสูง
Slippage ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในตลาด Crypto เท่านั้น โดย Slippage เป็นแนวคิดที่นำมาจากตลาดหุ้นและ Forex แต่ในตลาด Crypto ที่มีความผันผวนมากย่อมส่งผลมากและกระทบเป็นวงกว้างในหมู่นักเทรด Crypto
ยกตัวอย่างกรณี Slippage: เมื่อผู้เทรดคาดว่าจะซื้อหนึ่ง Bitcoin ในราคา 20,000 ดอลลาร์แต่ลงเอยด้วยการต้องจ่ายเงิน 20,050 ดอลลาร์ ซึ่ง Slippage คือ -50 ดอลลาร์ และในแง่เปอร์เซ็นต์ผู้เทรดต้องจ่ายเงินขาดทุน (-50 ดอลลาร์/20,000 ดอลลาร์) X 100 = -0.25%
Slippage เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในการสร้างคำสั่งซื้อขายและการดำเนินการคำสั่งซื้อขายมีช่องว่างหรือความแตกต่างของเวลาที่มากพอที่จะทำให้เกิดความผันผวนของราคาได้ โดยความผันผวนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเพิ่มขึ้นของ Demand การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องและการขาดสภาพคล่อง หรืออาจเกิดจากข่าวบางอย่างที่ส่งผลให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความผันผวนจะเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ช่องว่างของเวลาสั้นๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้ราคาของ Token เกิดความเปลี่ยนแปลงได้และนักลงทุนก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา ถึงแม้ว่าราคาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากพอที่จะทำให้เกิดผลเสียรุนแรงหรือทำให้ขาดทุนจำนวนมาก แต่ Slippage ก็อาจส่งผลเสียได้หากมีปริมาณการซื้อขายที่สูง ซึ่งทุกการ Bit ล้วนมีความสำคัญ
Slippage มีกี่ประเภท?
Slippage ในตลาด Crypto เกิดขึ้นได้ทั่วไปและพบบ่อย เมื่อผู้ลงทุนทำการซื้อขายบนแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยน (Exchange) โดย Slippage สามารถเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 แง่มุม ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
โดย Slippage ที่เป็นเชิงบวกจะเกิดขึ้นเมื่อราคาของ Token ลดลงกะทันหันตามราคาที่ผู้ลงทุนตั้ง หรือหมายความว่าผู้ลงทุนจะได้ราคา Token ดีที่สุดที่มีอยู่ และในทางกลับกัน Slippage ในเชิงลบก็จะสร้างความกังวลให้กับผู้ลงทุน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาของ Token เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาที่มีการตั้งราคาและดำเนินการ ซึ่งย่อมส่งผลให้กำลังซื้อของผู้ลงทุนลดลง
สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกัน Slippage ได้อย่างไร?
Slippage ที่เกิดขึ้นในตลาด Crypto สามารถสร้างความเสียหายหรือทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน ดังนั้นจึงมีแนวทางเบื้องต้นเพื่อหลีกเลี่ยงกับ Slippage ได้แก่:
- ใช้งานการปรับค่า Slippage Tolerance บน Crypto Exchanges
Slippage Tolerance เป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Crypto Exchanges ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดเปอร์เซ็นต์ของ Slippage ที่ผู้ลงทุนสามารถยอมรับได้ ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ลงทุนสามารถรับ Slippage ได้ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ก็สามารถไปกำหนดค่า Slippage Tolerance ได้ ซึ่งคำสั่งซื้อที่ได้ตั้งไว้ก็จะดำเนินการต่อไปหากค่า Slippage ยังต่ำกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์ แต่หากมากกว่าคำสั่งซื้อก็จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ โดยคุณสมบัติ Slippage Tolerance มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือสำคัญกับผู้ลงทุนประเภทเก็งกำไรซึ่ง Margin ต่ำ
- หลีกเลี่ยงการลงทุนในเวลาที่มีสถานการณ์ที่อาจส่งผลให้ตลาดเกินความปั่นป่วนมาก
อีกหนึ่งวิธีในการป้องกันความเสี่ยงพบกับ Slippage คือระมัดระวังอย่าซื้อขายในช่วงที่มีข่าวหรือประกาศสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน หรือหลีกเลี่ยงลงทุนในช่วงที่ตลาดอ่อนไหวจากเหตุการณ์ผิดพลาดครั้งสำคัญ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวอาจทำให้เกิด Slippage ครั้งใหญ่และก่อให้เกิดการเสียหายได้ ดังนั้นทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว
- หลีกเลี่ยงการใช้คำสั่งซื้อขายประเภท Market Orders แต่หันไปใช้ Limit Orders
การซื้อขาย Market Orders เป็นคำสั่งซื้อขาย Token ในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ ซึ่งคำสั่งซื้อขายประเภทนี้จะถูกดำเนินการในทันทีโดยที่ไม่มีการรับประกันราคา แต่ในทางกลับกัน การซื้อขายประเภท Limit Orders ผู้ซื้อขายจะสามารถกำหนดราคาที่ต้องการได้ โดย Crypto Exchanges สำคัญส่วนใหญ่จะมีให้เลือกซื้อขายประเภท Limit Orders ซึ่งการซื้อขายจะถูกดำเนินการอัตโนมัติเมื่อ Token ที่ผู้ซื้อขายต้องการอยู่ในราคาที่ต้องการ
นอกจากนี้ อีกวิธีคือการเลือกใช้งาน DEX ประเภท Layer 2 เนื่องจากนักเทรดจะสามารถทำธุรกรรมได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ความเสี่ยงของ Slippage น้อยลง รวมถึงค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่น้อยลงด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน DEX หลายรายยังคงทำงานบนเครือข่าย Blockchain ประเภท Layer 1 ตัวอย่างเช่นการซื้อขายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบน Exchanges ที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่าย Ethereum โดยตรง เมื่อเครือข่าย Ethereum เกิดปัญหาคอขวดก็อาจทำให้การซื้อขายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด Slippage