บทเรียนจากเหตุการณ์ล้มละลายของ Exchange รายใหญ่ สู่การป้องกันเหตุซ้ำรอยด้วยวิธี ‘Proof of Reserves’ (PoR)
ในช่วงตลาดขาลงหรือ Crypto Winter ที่ผ่านมามีความผันผวนมากและมีระยะเวลานาน ได้เกิดเหตุการณ์ล่มสลายของ Crypto Exchanges ซึ่งมีการสูญเสียเป็นจำนวนมหาศาลและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมัน นำมาสู่การหาวิธีป้องกันและปรับปรุงเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนหรือ Crypto Exchange หลายแห่งได้หาแนวทางใหม่เพื่อรับมือด้วยการใช้เทคนิคการตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า นั่นคือ Proof of Reserves (PoR) ที่ SCB 10X ขอมานำเสนอในบทความนี้

Proof of Reserves (PoR) คืออะไร?
Proof of Reserves (PoR) เป็นกระบวนการเพื่อแสดงการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลโดยใช้การตรวจสอบเชิง Cryptographic หรือการเข้ารหัสลับ ซึ่งเป็นวิธีการที่ Centralized Exchanges ใช้เพื่อแสดงความสามารถในการชำระหนี้ (Solvency) และสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าแพลตฟอร์มของตนสามารถจ่ายเงินที่ลูกค้า Deposits ได้ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน ยกตัวอย่างในทางทฤษฎีของ Proof of Reserves (PoR) คือการช่วยป้องกันไม่ให้สินทรัพย์ของลูกค้าถูกโอนย้ายไปยังที่ที่ไม่ควรเหมือนกับที่ได้เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ของ Exchange ยักษ์ใหญ่ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Proof of Reserves (PoR) จะอ้างอิงถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถตรวจสอบได้ผ่านวิธีการในเครือข่ายหรือ On-Chain อย่างเช่น การติดตาม Wallets และโดยส่วนใหญ่จะไม่รวมถึงสินทรัพย์นอกเครือข่ายหรือ Off-Chain อย่างเช่น เงินสดสำรอง (Cash Reserve) หรือสินทรัพย์ต่างๆ ที่เป็นเงิน Fiat
ทำไม Proof of Reserves (PoR) จึงมีความสำคัญ?
Proof of Reserves (PoR) ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากกรณีการล่มสลายของ FTX ซึ่งล้มละลายโดยการใช้เงินของลูกค้าปิดช่องโหว่งบดุลของบริษัทในเครือข่าย (Alameda Research) และจากนั้นจึงมีการตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวจาก Centralzed Exchange ต่างๆ ด้วยการเปิดเผยหรือให้คำสัญญาว่าจะเปิดเผยจำนวนสินทรัพย์หรือเงินทุนสำรองที่ถือครองด้วยวิธี Proof of Reserves (PoR) ในอนาคต
โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนและผู้ให้กู้หลายรายเริ่มมีการใช้ PoR โดยสมัครใจ ยกตัวอย่างเช่น Binance ซึ่งเป็น Crypto Exchange ที่ใหญ่ที่สุดก็ออกมาเปิดเผยจำนวนสินทรัพย์ดิจิทัลถือครองอยู่ต่อสาธารณะ รวมถึงมีแผนงานที่ใช้งาน Proof of Reserves ต่อไป
หากมองในทางทฤษฎี Proof of Reserves สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ดูแลทรัพย์สินและช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับธุรกิจ แต่ทางปฏิบัติ Proof of Reserves สามารถถูกปลอมแปลงหรือไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น PoR สามารถถูกแก้ไขได้โดยการยืมสินทรัพย์ในระยะสั้นเพื่อเก็บหลักฐานงบดุล (Balance Sheet) โดยถ่าย Snapshot ในช่วงเวลานั้นๆ ดั้งนั้น PoR ควรมีที่อยู่ Wallet รวมไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนหรือสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม PoR ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รวมถึงสินทรัพย์หรือหนี้สินนอกเครือข่าย (Off-Chain) ซึ่งสินทรัพย์นอกเครือข่ายหรือ Wallet ที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยเหล่านี้อาจถูกถือครองโดยผู้ดูแลสินทรัพย์ ดังนั้น มีความจำเป็นที่ต้องมีการตรวจสอบแบบเต็มรูปแบบเพื่อยืนยันข้อมูลทั้งหมดและพิสูจน์หลักฐานที่ชัดเจนของ PoR ซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นการกำกับดูแลตนเอง (Self-Regulation) และเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ในการเผชิญกับความสงต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทผู้ดูแลสินทรัพย์คริปโต
สรุปข้อดีของ Proof of Reserves (PoR)
ข้อดีของ Proof of Reserves (PoR) สามารถสรุปได้ดังนี้
- อันดับแรกการใช้ PoR ช่วยให้ลูกค้าและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกิดความไว้วางใจ หรือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโปรเจกต์
- PoR สร้างบรรทัดฐานใหม่เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความโปร่งใสทางการเงิน และช่วยลดแรงจูงใจไม่ให้ผู้ใช้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ไม่แสดงการรับรองใดๆ เพื่อหลีกการถูกฉ้อโกง
- PoR เป็นด่านแรกที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้และช่วยในการติดตามสินทรัพย์ดิจิทัลที่บริษัทเป็นผู้ถือครอง
- PoR สามารถช่วยลดความเสี่ยงของคู่สัญญา หรือลดการเกิด Bank Run หรือเหตุการณ์ที่ผู้ใช้จำนวนมากต่างถอนเงินออกจากบัญชีในเวลาพร้อมๆ โดยมีสาเหตุจากผู้ใช้ขาดความเชื่อมั่นถึงความสามารถในการชำระหนี้ (Solvency) ของผู้รับฝากดูแลสินทรัพย์
- PoR วิธีการคุ้มครองลูกค้าโดยการแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะปกป้องสินทรัพย์ของลูกค้าและให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นอันดับแรก
อย่างไรก็ตาม การนำ PoR มาใช้จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจเนื่องจากยังไม่ได้รับความไว้วางใจมากนัก และไม่ได้รับประกันความโปร่งใสของสถานะทางการเงินของผู้ดูแลสินทรัพย์ได้โดยสมบูรณ์ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีในอุตสาหกรรมซึ่งทำให้เกิดความกังวลในความโปร่งใสเกี่ยวกับสินทรัพย์ของลูกค้า และหลายฝ่ายจึงเห็นว่าการนำ PoR มาใช้นับว่าเป็นการเริ่มสร้างมาตรฐานขั้นต่ำในการกำกับดูแลด้วยตนเอง
นอกจากนี้ ทั้งผู้ให้บริการ Exchange และ Lender ได้รับการกระตุ้นและได้รับอิสระในการค้นหาแนวทางกำกับดูแลหรือสร้างกฎระเบียบเพิ่มเติมเพื่อสร้างชื่อเสียงในตลาด ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความไว้วางใจ