มุมมองของนักลงทุน DeFi เกี่ยวกับ Venture Building
ท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามบทความด้าน DeFi ที่ SCB 10X เสนอไปก่อนหน้านั้นน่าจะได้ความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและ DeFi กันไปไม่มากก็น้อย ครั้งนี้เรามานำเสนอในอีกมิติหนึ่งโดยเป็นมุมมองในด้านของการทำงานกระบวนการ Venture Building ในทรรศนะของนักลงทุนด้าน DeFi ระดับโลกอย่าง Michael Anderson ผู้ร่วมก่อตั้ง Framework Ventures กันบ้าง ไปติดตามกัน
เกี่ยวกับ Framework Ventures และหลักการในการลงทุนที่ทำให้ได้เปรียบ
Framework Ventures เริ่มต้นจากผลการวิจัยค้นคว้าหลักที่ว่า DeFi จะมีตลาดที่ตอบโจทย์หรือรองรับอย่างเหมาะสมสำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชน Framework Ventures ได้เริ่มต้นลงทุนใน Token projects ด้วย Venture Thesis และมีความแตกต่างจาก Venture Funds รายอื่นๆ อยู่เล็กน้อย โดยมีบริษัทด้านการปฏิบัติการที่ชื่อว่า Framework Labs ซึ่งเป็นที่สำหรับสร้างเทคโนโลยีภายในและบ่มเพาะคอนเซ็ปต์ต่างๆ รวมถึงมีการทำงานร่วมกับ Protocols ด้านซอฟต์แวร์ที่ได้ลงทุนไว้สำหรับเพิ่มมูลค่าและการมีส่วนร่วมโดยตรง ทำให้เกิดข้อได้เปรียบในการขับเคลื่อนธุรกิจ
มองหาอะไรในบรรดา Entrepreneurs ที่เข้ามาคุยด้วย
Michael ให้ความคิดเห็นในมุมมองของ Venture คือการมีไอเดียที่ยิ่งใหญ่หรือมีไอเดียที่โดดเด่น รวมถึงมีความเกี่ยวข้องกับ Framework ก็จะทำให้ข้อตกลงหรือ Entrepreneurs ที่เข้ามาคุยด้วยนั้นมีโอกาสมากขึ้น หรือสรุปได้ว่าหากยิ่งมีไอเดียที่โดดเด่นมากก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่จะตอบตกลงร่วมงานด้วย
ลักษณะกระบวนการของ Venture Building จากการที่ Framework เริ่มต้นจากไอเดียไปจนถึงการ Spin-off
กรณีนี้จะขึ้นอยู่กับความพยายามและจำนวนเงินทุน รวมถึงระยะเวลาที่เราใช้ในการสร้างภายใน และเป็นสิ่งที่ Framework มีการถกเถียงกันบ่อยมาก เพราะเป็นสิ่งที่อาจจะต้องใช้เวลาประมาณสองหรือสามปี
และใช้จำนวนเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปให้ถึงจุดของการเปิดตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีการสร้างความสามารถหลักและสร้างทีมงานภายใน รวมถึงมีความตั้งใจในการ Spin-off อย่างแพลตฟอร์มที่ Michael ได้ทำมาก่อน คือแพลตฟอร์ม Donor-Advised Funds จาก Framework Labs ที่ดำเนินงานบน Ethereum Blockchain ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางภายใต้มาตรา 501 (c) (3)
ตัวชี้วัดสำคัญสำหรับ DeFi Projects คืออะไร
Michael บอกว่าสำหรับตัวชี้วัดที่สำคัญของ DeFi Projects ในแต่ละ Project จะมีความแตกต่างกันไป โดยยกตัวอย่างแพลตฟอร์ม Donor-Advised Fund ของ Framework Labs ที่มีการ Spin-off ไปแล้วในตอนนั้น ซึ่งตัวชี้วัดสำคัญในกรณีของแพลตฟอร์มนี้ จะขึ้นอยู่กับจำนวนทรัพย์สินที่มีอยู่ในการบริจาคของ Community และการบริหารจัดการ Community จากมุมขององค์กรการกุศลนั้นมีมูลค่าเท่าใด เพราะคิดว่าเป็นแนวคิดที่ทรงพลัง มีความสามารถในการมีกรรมสิทธิ์และสิทธิในการกำกับดูแลในองค์กรการกุศลโดยรวม และเป็นสิ่งเรายังไม่เคยเห็นใน DeFi และ Michael ยังคิดว่าเป็นกรณีที่มีความน่าสนใจและทำให้รู้สึกดีเมื่อคุณได้มีส่วนร่วมและบริจาคเพื่อการกุศล
คำแนะนำสำหรับเหล่าผู้ก่อตั้งด้าน DeFi
Michael เริ่มจากคำแนะนำทั่วไป คือการการสร้างทีมที่ดีที่สุด หาคนที่ใช่รอบๆ ตัวที่จะพาให้คุณได้รับผลตอบแทนมากที่สุด รวมถึงเรื่อง Product และการพัฒนา Product ให้เหมาะสมกับตลาดหรือที่รู้จักดีคือ Product Market Fit ซึ่งเหล่านี้เป็นคำแนะนำที่พบได้บ่อยในองค์กรแบบดั้งเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างกันออกสำหรับตลาด DeFi คือควรเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง Token Economics ที่ควรมีการคิดถึงเรื่องของการประสานงาน และกลไกการประสานงานของ Token เทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น หรือการคิดว่าผู้ใช้จะได้รับอย่างไร รวมถึงการคิดเกี่ยวกับทฤษฎีเกมที่อยู่เบื้องหลัง และการคิดเกี่ยวกับ Econometrics ที่อยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการสร้างหรือพัฒนาด้าน Community ซึ่งเป็นเรื่องใหม่และเรื่องแรกๆ ที่ต้องทำและเป็นที่ Michael ได้บอกว่าเป็นสิ่งที่มองหาหรือทำเป็นสิ่งแรกหากมีโครงการที่ได้เปิดตัวขึ้นมาใหม่ รวมถึงทาง Michael กับ Framework ก็กำลังสร้าง Community ด้าน Venture Investment ด้วย
ถ้าพูดถึงในมุมของผู้ก่อตั้ง สิ่งที่ต้องทำมากขึ้นหรือใช้เวลามากขึ้นคือการสร้างและพัฒนาด้าน Community อย่างการใช้เวลาในการสนทนาหรือติดต่อกับ Community ในช่องทางต่างๆ เช่นโปรแกรมสำหรับการติดต่อและสร้าง Communty อย่าง Discord ซึ่งคุณไม่สามารถมุ่งเน้นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์หรือการสรรหาคนเท่านั้น ควรมีการปรับและจัดสรรเวลาใหม่ให้กับการ Community และอย่างที่เราได้เห็นจากทาง Chainlink Synthetix หรือ Aave ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญของ Community ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ หรือนักพัฒนาที่สนใจจะเริ่มโครงการ DeFi
อย่างที่หลายท่านทราบกันดีว่าส่วนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับ Ethereum คือเป็น Open Source ทั้งหมดและจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่เคยเข้ามาในด้านนี้ก็แค่ให้เริ่มเล่นหรือเริ่มต้นใช้งาน โดย Michael ได้ยกตัวอย่างขั้นตอนการเริ่มต้นคร่าวๆ ว่าตอนแรกอาจเริ่มด้วยการกู้ยืมบน Compound หรือ Aave จากนั้นอาจเป็นการเขียนสัญญา Solidity Contract เพื่อสร้าง Smart Contract และหลังจากนั้นอาจเป็นการปรับใช้โปรโตคอลใหม่ที่สำคัญหรือคุณลักษณะใหม่ที่สำคัญกับหนึ่งโครงการเหล่านี้ รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับ Community ซึ่งผู้คนพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทุกเมื่อ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจและรู้ว่าแนวคิดที่ดีและแนวคิดที่ไม่ดีคืออะไร