รู้จักที่มาที่ไปของโทเคน (Token)
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากเทคโนโลยี Blockchain และสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ อย่าง “Tokens” มาพร้อมกับคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์และได้เปิดประตูสู่การประยุกต์ใช้งานต่างๆ มากมายที่เราไม่เคยพบมาก่อน แท้จริงแล้วโทเคนมีที่มาและมีความสำคัญอย่างไร? SCB 10X ขอพาไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้นในบทความนี้
โทเคน (Token) คืออะไร?
โทเคน (Token) เป็นหน่วยข้อมูลดิจิทัลในโลกของอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) โดยเป็นสินทรัพย์ที่ความจำเพาะและมีการใช้งานบน Blockchain โดยเฉพาะ โทเคนมีการใช้งานหลายกรณีทั้งเพื่อการแลกเปลี่ยน ซื้อขาย และการใช้ประโยชน์อื่นๆ ที่หลากหลาย
โดยส่วนใหญ่โทเคนนี้เหล่านี้ถูกใช้เพื่อระดมทุนสำหรับการทำ Crowd Sale หรือเสนอขายทีละมากๆ
แต่ก็สามารถนำไปใช้แทนสิ่งอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยมักจะมีการสร้าง แจกจ่าย ขาย และถูกหมุนเวียนผ่านกระบวนการ Initial Coin Offering (ICO) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระดมทุนแบบ Crowdfunding เพื่อเป็นทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ
หรือในอีกแง่หนึ่งโทเคนเป็นสิ่งที่แทนหรือแสดงถึงวัตถุทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ รวมถึงใช้แทนคอนเซปต์ที่เป็นนามธรรม อย่างเช่นใช้โทเคนเพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้รับเพื่อเป็นการแสดงความเคารพของผู้มอบโทเคน
Cryptocurrency ต่างๆ และโทเคนที่สร้างขึ้นบน Blockchain มีกำหนดการปล่อยที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าและสร้างด้วยอัลกอริทึม ซึ่งหมายความว่าเราสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่าจะมีการสร้างเหรียญกี่เหรียญออกมาในระยะเวลาที่กำหนด และการเปลี่ยนแปลงกำหนดการออกเหรียญหรือโทเคนก็สามารถทำได้แต่ค่อนข้างยาก เพราะจะต้องผ่านข้อตกลงจากหลายฝ่ายก่อน ดังนั้น จึงเป็นข้อดีแก่เจ้าของโทเคน เพราะมีความสะดวกและปลอดภัย เนื่องจากสามารถทราบได้ถึง Tokenomics หรือระบบเศรษฐกิจภายในของโทเคนนั้นๆ และยังสามารถคาดการณ์ได้ถึงระดับของสินทรัพย์ที่จะถูกสร้างออกมาได้อีกด้วย
จุดประสงค์ของการใช้โทเคนคืออะไร?
โทเคนในโลก Crypto สามารถแสดงถึงสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนในบริษัทที่ได้เลือกลงทุน หรือสามารถนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับตั๋วเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) ซึ่งหมายความว่าผู้ถือโทเคนสามารถนำมาใช้เพื่อซื้อหรือแลกเปลี่ยนเพื่อทำกำไรได้เช่นเดียวกับหลักทรัพย์อื่น ๆ
ความเป็นมาของโทเคน
ในอดีตโทเคนเสมือนเป็นสกุลเงินเทียมหรือเป็นบัตรกำนัลที่ใช้แทนเงิน โดยผ่านการตกลงและความเห็นพ้องต้องกันจากทุกฝ่ายถึงมูลค่าที่แน่นอนของโทเคนภายใน Ecosystem ซึ่งทุกคนมีการตกลงที่จะนำมาใช้และแลกเปลี่ยนกัน
อย่างไรก็ตาม โทเคนเหล่านี้ปลอมแปลงได้ง่ายและควบคุมโดยบุคคลหรือ Entity ที่พวกเขาสามารถสร้างขึ้นมาได้มากเท่าตามที่ต้องการ หมายความว่าโทเคนเหล่านี้ไม่มีความโปร่งใสและขาดความยุติธรรม ต่อมาโทเคนเสมือนเหล่านี้ก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จนกระทั่งการมาของเทคโนโลยี Blockchain ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากโทเคนที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain สามารถนำคุณลักษณะของสกุลดิจิทัลเข้ามาได้ และสามารถตรวจสอบถึงที่มาที่ไปได้ รวมถึงความปลอดภัยที่มากขึ้น และทำให้ปลอมแปลงไม่ได้ จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดการสร้างโทเคนที่มีความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้ ส่งผลให้บริษัทเอกชนและบุคคลทั่วไปสามารถสร้างโทเคนเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันได้
ในปัจจุบันการสร้างโทเคนแบบเข้ารหัส (Cryptographic Tokens) หรือโทเคนที่อยู่บน Blockchain กำลังเกิดการขยายตัวอย่างเต็มที่ เพราะมีความปลอดภัยขั้นสูงและด้วยความยืดหยุ่นของเทคโนโลยี Blockchain
ประเภทและมาตรฐานของ Cryptographic Tokens
โดยทั่วไปโทเคนสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทย่อยตามคุณสมบัติและการใช้งานดังนี้
- Utility Token เป็นโทเคนสำหรับใช้ประโยชน์ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการของบริษัทต่างๆ ที่รองรับ และ Utility Token ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อการลงทุน
- Security Token เป็น Cryptographic Tokens ที่คล้ายกันกับโทเคนอื่นๆ ที่เป็นที่รู้จัก แต่แตกต่างกันตรงที่โทเคนประเภทนี้จะเชื่อมโยงกับการรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิม รวมถึงลักษณะเฉพาะตัวอื่นๆ ของโทเคนประเภทนี้
- Equity token เป็นโทเคนประเภทพิเศษที่เกี่ยวข้องกับ Security Tokens โดยฟังก์ชันการใช้งานเหมือนกับหุ้นที่เป็นสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ซึ่งโทเคนประเภทนี้จะแสดงถึงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในบริษัทหรือบุคคลที่สาม และคุณค่าของโทเคนเชื่อมโยงกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับสินทรัพย์เหล่านี้
ความแตกต่างในด้านการใช้งานของ Coin กับ Token ในโลก Crypto
อีกข้อสงสัยหนึ่งที่พบมากสำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับ Crypto คือความแตกต่างระหว่างเหรียญ (Coin) กับโทเคน (Token) โดยเหรียญ Crypto จะช่วยให้บุคคลสามารถชำระเงินได้โดยการใช้สกุลเงินดิจิทัลของตนเอง ส่วนโทเคนสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากกว่า โดยสามารถใช้ทั้งสำหรับการเทรด หรือจะถือไว้เพื่อเก็งกำไร และเป็นรูปแบบหนึ่งของสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงใช้เพื่อเข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆ ไปจนถึงเป็น Reward สำหรับการขุด