Technology
06 พฤษภาคม 2568
ภาษาไทย
OpenAI รุกตลาดการศึกษาและระดมทุนมหาศาล สะท้อนการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในโลก AI

Key Takeaways:
- OpenAI ปิดดีลระดมทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในโลกเทคโนโลยีเอกชน มูลค่ารวมกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ดันมูลค่าบริษัทแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์
- SoftBank เข้าลงทุนครั้งใหญ่ มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยนักลงทุนเดิมอย่าง Microsoft
- หลังปิดดีลใหญ่ OpenAI และ Anthropic เปิดเกมรุกภาคการศึกษา พร้อมให้บริการ AI แก่นักศึกษาแบบฟรีหรือราคาพิเศษ เพื่อช่วงชิงฐานผู้ใช้ในวัยเริ่มต้น
- แนวโน้มการแข่งขัน AI ขยายตัวสู่ผู้ใช้ใหม่ อาจเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ในอนาคตอันใกล้
ดีล Tech แห่งทศวรรษ: OpenAI ปิดรอบ 4 หมื่นล้าน
- OpenAI กลับมาเป็นศูนย์กลางความสนใจอีกครั้ง เมื่อล่าสุดบริษัทประกาศปิดรอบระดมทุนมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นหนึ่งในดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทเทคโนโลยีเอกชน ดันมูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าสถิติเดิมเกือบสามเท่า
- เบื้องหลังของดีลนี้คือ SoftBank ผู้นำในการลงทุนรอบนี้ ซึ่งเทเม็ดเงินมหาศาลถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ OpenAI ร่วมกับกลุ่มนักลงทุนอื่นๆ รวมถึง Microsoft ซึ่งเป็นผู้ลงทุนหลัก เช่นเดียวกับ Coatue, Altimeter และ Thrive
- ดีลครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทุน แต่เป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังเตรียมพร้อมสำหรับ "รอบใหม่" ของการขยายตัว ทั้งเชิงเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม และฐานผู้ใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มที่อาจกลายเป็นกำลังหลักในอนาคตอย่างนักศึกษา
ศึกชิงนักศึกษา: จุดเริ่มต้นของฐานผู้ใช้ AI รุ่นถัดไป
OpenAI และ Anthropic สองบริษัทพัฒนา AI ชั้นนำ กำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้นเพื่อดึงดูดนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยต่างฝ่ายต่างนำเสนอเครื่องมือ AI ฟรี หวังที่จะเป็น AI หลักที่คนรุ่นใหม่เลือกใช้ในอนาคต
- ไม่นานหลังข่าวดีลระดมทุน OpenAI ก็ประกาศเปิดให้บริการ ChatGPT Plus ฟรี สำหรับนักศึกษาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาไปจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้ และได้เน้นย้ำว่า ChatGPT พร้อมที่จะช่วยการสอบช่วงปลายภาคด้วยสิทธิพิเศษของ Plus เช่น อัปโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ Deep Research และฟีเจอร์เสียงขั้นสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อสร้างการยอมรับและพฤติกรรมการใช้งานในกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
- ในขณะเดียวกัน Anthropic คู่แข่งสำคัญก็ไม่ยอมน้อยหน้า เปิดตัวแพ็กเกจ "Claude for Education" ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับมหาวิทยาลัยและนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยโมเดล AI ขั้นสูง
- จุดเด่นของ Claude for Education คือ "Learning mode" ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการที่ Claude โต้ตอบกับนักศึกษา แทนที่จะให้คำตอบโดยตรง ระบบจะใช้คำถามเชิงกระตุ้นความคิด (Socratic questioning) เช่น "คุณจะเริ่มแก้ปัญหานี้อย่างไร" หรือ "อะไรคือหลักฐานที่สนับสนุนข้อสรุปของคุณ" เพื่อช่วยให้นักศึกษาพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ แทนที่จะเพียงแค่ทำการบ้านให้เสร็จไปเท่านั้น
- การที่ทั้งสองบริษัทปล่อยโครงการด้านการศึกษาออกมาพร้อมๆ กัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย และการแข่งขันเพื่อปลูกฝังเครื่องมือ AI ในสถาบันการศึกษา คือการแข่งขันเพื่อกำหนดวิธีการที่คนรุ่นใหม่จะทำงานร่วมกับ AI และที่สำคัญคือการที่จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องมือ AI หลักที่พวกเขาเลือกใช้
นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาด AI กำลังเริ่มแย่งชิงกลุ่มผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้ในระยะสั้น แต่เพื่อปลูกฝังความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย
ผลกระทบและนัยต่ออนาคต เมื่อตลาด AI เร่งเครืองอีกขั้น
- เมื่อผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง OpenAI และ Anthropic ต่างมุ่งเป้าสู่ภาคการศึกษา อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการขยายตลาด AI จากผู้เชี่ยวชาญสู่ผู้ใช้งานทั่วไป
- เรากำลังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีล้ำหน้าสมัย มาเป็นเครื่องมือสำหรับชีวิตประจำวัน และการให้บริการฟรีแก่ภาคการศึกษาก็เสมือนเป็นการหว่านเมล็ดที่อาจงอกเงยเป็นตลาดผู้ใช้ระดับมหาชนในอนาคต
- สำหรับอีกด้านหนึ่ง ดีลระดมทุนมูลค่ามหาศาลก็ส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะการเร่งการพัฒนา AI เชิงพาณิชย์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงธุรกิจและนโยบาย
หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม AI รอบใหม่?
- แม้การระดมทุนครั้งสำคัญของ OpenAI จะเป็นเพียงก้าวแรก แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ "สงครามเย็น" ในตลาด AI รอบใหม่ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแข่งด้านเทคโนโลยี แต่ขยายไปสู่การแข่งในระดับกลยุทธ์ การเข้าถึงผู้ใช้ และการครอบครองข้อมูล และคำถามสำคัญคือ ใครจะสามารถควบคุม "จุดเริ่มต้น" ของนิสัยการใช้ AI ในระดับมหาชนได้ก่อน?
- หาก OpenAI สามารถเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานตั้งแต่ในห้องเรียน ซึ่งทำให้พวกเขาอาจไม่ต้องแข่งด้านเทคโนโลยีในอนาคต เพราะผู้ใช้จะผูกพันกับแพลตฟอร์มของพวกเขาตั้งแต่ต้น เช่นเดียวกับที่ Google เคยใช้กับการ “Search” หรือ Apple ที่ใช้กับ Ecosystem ของตน
และหากนี่คือกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท AI ชั้นนำ สงคราม AI ก็อาจไม่ได้วัดกันที่ใครฉลาดกว่า แต่อยู่ที่ใครจะสามารถเข้าถึงและฝังรากลึกกับผู้ใช้ได้ก่อน
ข้อสังเกตสำหรับผู้ใช้หรือนักลงทุน
- OpenAI กลับมาเป็นผู้นำ AI อย่างชัดเจน ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลและแผนรุกสู่ผู้ใช้งานระดับนักศึกษาซึ่งอาจเป็นฐานผู้ใช้ในระยะยาว และจากกลยุทธ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาโดยตรง ซึ่งหมายความว่าไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มผู้ใช้งานในระยะสั้น แต่ยังเป็นการสร้างความผูกพันกับผู้ใช้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มจะเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต และกลายเป็นฐานผู้ใช้ที่มั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้แนวทางนี้ยังคล้ายกับการที่หลายบริษัทเทคโนโลยีในอดีตเคยแจกซอฟต์แวร์ฟรีหรือให้ราคาพิเศษเพื่อการศึกษา เพื่อปลูกฝังความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ และเมื่อผู้ใช้เติบโตขึ้นก็มักจะเลือกใช้เทคโนโลยีเดิมที่คุ้นเคยในชีวิตการทำงานต่อไป
- ตลาด AI กำลังเริ่มเข้าไปมีบทบาทในภาคการศึกษามากขึ้น มากกว่าการเป็นแค่เทคโนโลยีล้ำสมัยในวงจำกัด โดยการเข้าถึงนักเรียน นักศึกษาในช่วงต้นนี้ อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้นในอนาคต เปรียบเสมือนการปูทางจากห้องเรียนไปสู่การใช้งานจริงในโลกธุรกิจและสังคมวงกว้าง
- นักลงทุนควรจับตาการกระจายตัวของเทคโนโลยี AI ที่เคลื่อนไปยังผู้ใช้กลุ่มใหม่ ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการประเมินมูลค่าและศักยภาพของบริษัท AI ในอนาคต
- การแข่งขันรอบใหม่ระหว่างผู้พัฒนา AI รายใหญ่ อย่าง OpenAI, Anthropic และรายอื่นๆ กำลังเริ่มต้นอย่างชัดเจน โดยแต่ละบริษัทเร่งขยายฐานผู้ใช้งานและพัฒนาบริการที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดตลาด ซึ่งแนวโน้มนี้อาจนำไปสู่ “การรวมศูนย์” หรือการที่อุตฯ AI ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย คล้ายกับที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียในอดีต เช่น Google ที่เคยกลายเป็นประตูหลักสู่ข้อมูล หรือที่ Facebook ครองความสัมพันธ์ของผู้คนผ่านแพลตฟอร์มเดียว ดังนั้นในยุค AI ก็อาจมี “ผู้ชนะไม่กี่ราย” ที่กลายเป็นศูนย์กลางของทั้งข้อมูล ผู้ใช้ และอำนาจในการกำหนดทิศทางเทคโนโลยี AI
- เฝ้าระวังความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและความเป็นส่วนตัว ที่จะเพิ่มความสำคัญยิ่งขึ้นเมื่อ AI เข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมากและเป็นวงกว้าง โดยการใช้ AI ในวงกว้างหมายถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในระดับมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป หรือแม้แต่ลักษณะการเรียนรู้เฉพาะบุคคล จึงทำให้ "ข้อมูลส่วนบุคคล" กลายเป็นหัวใจสำคัญของการถกเถียง และเป็นเป้าหมายของทั้งหน่วยงานกำกับดูแลและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิ
- ตัวอย่างเช่น AI Act ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้โมเดล AI ที่ใช้งานทั่วไปต้องเปิดเผยวิธีฝึกโมเดลและมีความโปร่งใสในการทำงานเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด
-------------------------------
Sources: