Metaverse กับโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
เมตาเวิร์ส (Metaverse) กำลังเป็นสิ่งที่กำลังมาแรง และในขณะนี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาสนใจมากมาย ครั้งนี้มาทำความรู้จักกับโลกเสมือนที่นำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ นี้ไปพร้อมกันกับทีม Venture Capital จาก SCB 10X
Metaverse คืออะไร
Metaverse คือ พื้นที่ดิจิทัลที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อ คอนเทนต์ และหนทางใหม่ของการสร้างรายได้ที่อยู่บนโลกเสมือนจริง โดยที่มีระบบเศรษฐกิจเป็นของตนเอง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในโลกความจริงในปัจจุบันสามารถเข้าไปอยู่ใน Metaverse ได้ เนื่องจากเป็นระบบเศรษฐกิจที่ทำงานอยู่บน ‘Blockchain’
ในครั้งนี้ทีม VC ขอเริ่มต้นยกตัวอย่าง Metaverse โดยการลำดับวิวัฒนาการของ ‘เกม’ นับตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีที่เกมต่างๆ ให้ประสบการณ์การเล่นที่ทุกคนจะได้รับเหมือนกันทั้งหมด คือการเป็นผู้เล่นเป็นบทบาทของตัวละครเพียงหนึ่งตัวละครเดียวเท่านั้น (Single Experience) ต่อมาได้มีการพัฒนาจากการที่มีอินเทอร์เน็ตเข้ามา ทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมได้หลายตัวละครหรือหลายบทบาทมากขึ้น (Multi Experiences) และพัฒนาไปอีกขั้น คือการให้ผู้เล่นสามารถกำหนดประสบการณ์การเล่นเกมของตนได้ หรือให้ผู้เล่นสามารถสร้างเกมขึ้นมาบนแพลตฟอร์มของเกมนั้นๆ (User Defined Experience) และมาจนถึงรูปแบบของโลก Virtual ที่มี Blockchain เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดพื้นที่โลกเสมือนจริงที่มีระบบเศรษฐกิจใหม่เป็นของตนเอง หรือ Metaverse นี้ขึ้นมา ให้ประสบการณ์โลกเสมือนรูปแบบ 3 มิติ คล้ายคลึงกับโลกความจริงผ่านอุปกรณ์ที่รองรับ
ตัวอย่างโปรเจกต์ที่เกิดขึ้นของ Metaverse ที่ผ่านมา ได้แก่
- สำนักงานใหญ่ทางธุรกิจ (HQ) อย่างเช่น ‘ConsenSys’ ที่มีการผูกข้อมูลจากโลกความจริงเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียต่างๆ หรือพบปะกันได้
- พิพิธภัณฑ์ที่แสดงงานศิลปะ Crypto Art หรือ NFTs ต่างๆ อย่างเช่น ‘B.20 Museum’
- ย่านร้านค้าสำหรับช้อปปิ้งต่างๆ อย่าง Metajuku ที่ได้แรงบันดาลใจจากย่านช้อปปิ้ง Harajuku
นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายธุรกิจ อย่างเช่น แพลตฟอร์มเกม ที่ทำให้เกิดตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์จากเกมต่างๆ เกิดขึ้นจากพื้นที่นี้ เกิดการซื้อขายที่ดินแบบดิจิทัลที่เป็นโทเคนแบบเสมือนจริง ไปจนถึงทำให้เหล่า Creators ได้สร้างสรรค์ผลงานได้มากมายบนแพลตฟอร์มนั้นๆ
ดังนั้น Metaverse สามารถที่จะสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมาได้โดยที่แทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ยังมีการเชื่อมโยงกับโลกภายนอกอย่างเดียว คือ คริปโตโทเคนที่สามารถแปลงเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เพียงเท่านั้น
ข้อแตกต่างของเกมแบบดั้งเดิมและเกมที่ทำงานอยู่บน Blockchain
เกมแบบดั้งเดิมที่ไม่มี Blockchain ในด้านความเป็นเจ้าของ หรือ Ownership ในสินทรัพย์ต่างๆ ของผู้เล่นก็ย่อมมีข้อจำกัดและส่วนใหญ่ตกเป็นของบริษัทเกม ส่วนเกมที่ทำงานบน Blockchain ช่วยให้สินทรัพย์ต่างๆ เป็นของผู้เล่นได้อย่างแท้จริง
เกมแบบดั้งเดิมมีความปลอดภัยน้อย เนื่องจากธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นตรวจสอบได้ยาก และเกิดการแฮ็กเกิดขึ้นได้ง่ายเพราะเกมทำงานอยู่บนเซิฟเวอร์ที่ให้บริการรูปแบบ Centralized ส่วนเกมที่มี Blockchain จะมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะมีจุดแข็งของ Blockchain คือมีความโปร่งใส ปลอดภัย และ Decentralized
เกมแบบเดิมผู้สร้างคอนเทนต์ต่างๆ จะได้รับรายได้ไม่เต็มที่หรือได้เพียงส่วนแบ่งจากการขาย เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่จะกลับไปยังบริษัทเกม แต่หากเป็นเกมบน Blockchain ที่ผู้เล่นและผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ต่างๆ จะได้รับรายได้เกือบทั้งหมด เนื่องจาก Blockchain จะมีการบันทึกความเป็นเจ้าของหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับสินทรัพย์นั้นๆ บน Chain คล้ายกับกรณีของ NFTs
และสุดท้าย เกมที่ไม่มี Blockchain โอกาสที่จะเกิดการร่วมงานกันระหว่างบริษัทต่างๆ จะมีน้อย เนื่องจากทำงานอยู่บนระบบปิดหรือ Centralized แต่เมื่อเป็นเกมที่อยู่บน Blockchain ทำให้โอกาสการร่วมงานกันระหว่างเกมที่ต่างบริษัทกันเป็นไปได้ง่าย เพราะเป็นระบบเปิด และ Decentralized
อย่างไรก็ตาม แม้เกมที่ทำงานอยู่บน Blockchain จะมีข้อดีมากมายแต่ก็ยังคงมีความท้าทายในส่วนของประสบการณ์ผู้ใช้งาน UI/UX ที่ต้องทำงานมากขึ้นหรือทำยากขึ้น รวมไปถึงด้านความปลอดภัยที่ผู้เล่นต่างต้องเรียนรู้ในการใช้แพลตฟอร์ม
โอกาสทางธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน Metaverse และเป็นจุดเริ่มต้น
การคาดการณ์ของทีม VC คิดว่าอาชีพใดๆ ที่เกิดขึ้นในโลกจริงสามารถเกิดขึ้นในโลก Metaverse ได้ โดยมีตัวอย่างที่แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
- ไกด์นำเที่ยว (Tour Guide) อย่างเช่นนำผู้เล่นไปชมสถานที่ต่างๆ ภายในเกม
- สถาปนิกและดีไซเนอร์ (Architecture / Designers) เมื่ออยู่ใน Metaverse ย่อมต้องมีการสร้างหรือดีไซน์ที่ดึงดูดใจและสวยงาม
- นักสะสม (Collectors) เป็นอาชีพที่ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว อย่างเช่นการไปสังเกตว่างานศิลปะแบบใดที่มีคุณค่าหรือผู้คนสนใจและนำเข้าสู่โลก Metaverse เช่น NFTs ต่างๆ
- ผู้จัดอีเวนต์ (Event Organizers) เช่น Virtual Event ต่างๆ ที่สามารถให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมทำกิจกรรมภายในอีเวนต์ได้
- Renting หรือการ Rent สินทรัพย์ภายในเกมที่นำไปสู่คอนเซปต์ Play to Earn ที่ต้องใช้ Blockchain เท่านั้น
- Governance มีบทบาทสำคัญสำหรับเกมที่ทำงานอยู่บน Blockchain โดยช่วยดูว่าควรปรับปรุงเกมหรือสร้างสรรค์อย่างไรให้เกมสนุก รวมไปถึงเรื่องของรายได้ต่างๆ ภายในเกม และยังนำไปสู่การบริหารการจัดการ Governance รูปแบบอื่นๆ ตามมา
- Royalties สำหรับผู้ที่เป็นคนดังหรือมีชื่อเสียงสามารถเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแพลตฟอร์ม Metaverse ต่างๆ ได้ อย่างเช่น ศิลปิน Snoop Dog ที่ร่วมกับ Metaverse ชื่อดังอย่าง Sandbox เพื่อสร้าง Royalty ของตนในพื้นที่นี้ได้
- Creators สามารถสร้างสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ไอเทม หรือตัวละครต่างๆ ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ในการเล่น ซึ่งเป็นโอกาสสร้างรายได้ของผู้ที่ชอบสร้างสรรค์
- Game Engine Provider ยกตัวอย่างเช่น Unity Technologies เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สร้างเกมต่างๆ ได้ ในอนาคตอาจมีทีมที่ช่วยให้คนที่ไม่เข้าใจ Blockchain สามารถสร้างเกมได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นอีกโอกาสหนึ่งในโลก Metaverse
- Asset Manager มีหน้าที่ช่วยรักษาสมดุลและบริหารสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในโลก Metaverse
- Lawyers เนื่องจากใน Metaverse ยังเป็นพื้นที่ที่ยังค่อนข้างใหม่มาก โดยในเรื่องของลิขสิทธิ์หรือกฎข้อบังคับต่างๆ ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ดังนั้นต้องมีนักกฎหมายเข้ามาดูแลในส่วนนี้
- Developers เนื่องจากในโลก Metaverse ที่เป็น Digital Economy ดังนั้นเมื่อมีทีมนักพัฒนาก็จะสามารถสร้างโอกาสและสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้มากมาย อย่างเช่น การพัฒนาเกมใหม่ๆ หรือสร้าง Inter-verse Communicaton ที่เป็นช่องทางสำหรับสื่อสารผ่านกันระหว่างแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน หรือการพัฒนา Blockchain ใหม่ๆ ที่รองรับ Metaverse มากขึ้น ไปจนถึงโอกาสอื่นๆ อีกมากมายที่ขึ้นอยู่กับไอเดียและความคิดสร้างสรรค์