“Liquid Staking Token” เทรนด์สำคัญที่น่าจับตามองของโลก DeFi
รวมไฮไลต์เกี่ยวกับ “Liquid Staking Token” เทรนด์สำคัญในโลก DeFi ยุคใหม่ กับ Konstantin Lomashuk, Co-founder จาก Lido และ Rishi Ramchandani, APAC Web3 Lead จาก Googleที่มาร่วมสนทนากันในงาน REDeFiNE TOMORROW 2023 ในประเด็น "DeFi’ s Next Big Thing: Liquid Staking Token”
ด้วยศักยภาพของ Blockchain ที่ Lomashuk เล็งเห็นถึงข้อดีมากมายนำไปสู่การจัดตั้ง “Lido” ซึ่งเป็น DAO และ Liquid Staking Prorocol โดยเป้าหมายของแพลตฟอร์มคือการสนับสนุนการกระจายอำนาจและ Blockchain ด้วยการใช้ Node ตรวจสอบความถูกต้องและให้บริการ Staking
LST คืออะไร ทำงานอย่างไร
Liquid Staking Tokens (LST) เป็นกลไกที่ทำให้ผู้ถือโทเคน Crypto มีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย Blockchain พร้อมไปกับการรักษาและเข้าถึงสภาพคล่อง ซึ่งเป็นอีกโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดจาก Staking แบบดั้งเดิม
สำหรับการใช้งานเบื้องต้นผู้ใช้สามารถฝากโทเคนของตนบน LST Protocol ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ Smart Contract และจะได้รับโทเคน LST เป็นการตอบแทน และโทเคนเหล่านี้จะแสดงถึงการสนับสนุนความปลอดภัยของเครือข่ายและรับผลตอบแทน ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นอีกกลไกที่ช่วยสนับสนุนด้านความปลอดภัยให้กับ Blockchain
Liquid Staking Token แตกต่างกับการ Staking แบบรวมศูนย์ดั้งเดิมอย่างไร และผู้ใช้ได้อะไรจากโซลูชันนี้?
Lomashuk ได้เปรียบเทียบแนวทางการกระจายศูนย์ของ LST กับผู้ให้บริการ Staking แบบรวมศูนย์ดั้งเดิมต่างๆ เนื่องจากการใช้งานกับผู้ให้บริการในรูปแบบรวมศูนย์ย่อมมีความเสี่ยงจากผู้ให้บริการเหล่านี้ที่เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ ในทางกลับกันการใช้ LST ซึ่งอยู่ในรูปแบบกระจายศูนย์ผู้ใช้สามารถควบคุมเงินทุนหรือสินทรัพย์ของตนได้อย่างเต็มที่ด้วยความสามารถของ Smart Contract รวมถึงความโปร่งใสและความสามารถในการตั้งโปรแกรมช่วยทำให้การ Staking แบบกระจายศูนย์เป็นทางเลือกที่น่าไว้วางใจและยังเปิดกว้าง (Permissionless) กับผู้ใช้ทั่วโลก สรุปได้ว่า LST มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับโมเดลแบบรวมศูนย์หรือวิธีการดั้งเดิม
ทำไมจึงเชื่อใน DeFi และอนาคตของ LST ในตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป?
ระบบที่เปิดกว้าง (Permissionless) ของระบบการเงินใน DeFi เป็นจุดเด่นที่เป็นข้อได้เปรียบ โดยผู้ใช้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ง่าย แม้ว่าจะมีความเสี่ยงและปัญหามากมายในอุตสาหกรรม และ Lomashuk เห็นถึงการเกิดแอปพลิเคชันใหม่ๆ อีกมากมายและ DeFi สามารถการเกิดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต อย่างไรก็ตามการให้บริการระบบกระจายศูนย์ยังคงต้องการกฎที่ชัดเจน เพื่อควบคุมการใช้งานเนื่องด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งใหญ่ช่วงผ่านมา
นอกจากนี้ Lomashuk ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับนวัตกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น เทคโนโลยีการตรวจสอบความถูกต้องแบบกระจายศูนย์ (Distributed Validator Technology: DVT) และการถอนเงินด้วย Smart Contract ซึ่งความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Liquid Staking โดยช่วยให้เกิดการกระจายศูนย์และมีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้เขายังเล็งเห็นการเติบโตของแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นจากการต่อยอดบน Liquid Staking โดยสิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาโดยรวมของ DeFi และแสดงให้เห็นว่า Liquid Staking มีศักยภาพมากพอที่จะมีส่วนขับเคลื่อนวงการ DeFi
ความเสี่ยงใน DeFi ที่ควรจับตามอง
ทั้งสองท่านต่างให้ความสำคัญกับช่องโหว่ของ Smart Contract และความไม่ชัดเจนด้านกฎระเบียบซึ่งเป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ ผ่านการให้ความรู้กับผู้ใช้และปรับปรุง Protocol เพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้และเพื่อให้พื้นที่ DeFi สามารถเติบโตได้อย่างสมดุล
AI กับ Blockchain ทำงานร่วมกันได้หรือไม่?
อีกหนึ่งเทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญอย่าง AI ก็มีบทบาทที่น่าติดตามกับโลก Blockchain มากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากกรณีการใช้งานที่เกิดขึ้นอย่างเช่นการนำมาช่วยบริหารจัดการ, Machine Learning แบบกระจายศูนย์ และรูปแบบของการทำงานตอบโต้ได้เองแบบอัตโนมัติต่างๆ โดยสรุป Lomashuk ได้แสดงความคิดเห็นว่า AI สามารถนำมารวมกับ Blockchain ได้ รวมถึง Blockchain ก็มีศักยภาพในการสนับสนุนด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบของ AI โดยช่วยกำหนดขอบเขตของนวัตกรรมแบบข้ามโดเมนและการทำงานร่วมกัน
รับชมทั้งหมดที่ DeFi’s Next Big Thing: Liquid Staking Token
บทความนี้สรุปจาก Virtual conference ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2023