อัปเดตวัฏจักร Crypto: จาก DeFi Innovation สู่ยุคของ “สถาบัน” ในช่วง “Crypto Summer”
ในช่วงที่ผ่านมา Crypto มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และหนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ วัฏจักรของการเติบโตตั้งแต่ช่วงขาลง (Crypto Winter) จนถึงขาขึ้น (Crypto Summer) ทำให้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของ DeFi ซึ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นมากมาย
และปัจจุบันอุตสาหกรรมก้าวเข้ามาอยู่ในช่วง Crypto Summer เร็วขึ้นด้วยปัจจัยหลายอย่างโดยเฉพาะกลุ่มสถาบันต่างๆ และองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เริ่มยอมรับและรวมสกุลเงินดิจิทัลในการดำเนินการมากขึ้น พร้อมเริ่มเข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการ Crypto รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อย่างราคาของสกุลเงินดิจิทัลหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก, ความรู้สึกเชิงบวกของนักลงทุนและสื่อส่งผลให้มีการซื้อขายและการลงทุนเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้น, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปิดตัวโครงการในพื้นที่ Crypto
DeFi Innovation จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติการเงินดิจิทัล มาจนถึง Crypto Winter
ยุค DeFi Innovation เป็นช่วงที่เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายในโลก Crypto เช่น การให้กู้ยืมแบบกระจายศูนย์, การแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (DEX) และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่สร้างบน Blockchain ซึ่งทำให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันกลาง
Crypto Winter เป็นช่วงเวลาที่ตลาด Crypto ประสบภาวะตกต่ำอย่างรุนแรง ราคาของสกุลเงินดิจิทัลลดลงอย่างมาก และความสนใจของนักลงทุนลดน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากปัจจัยและข่าวด้านลบจากหลายเหตุการณ์ เช่น เหตุการณ์ของ Terra Luna, การล้มของ FTX และการล้มของธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นต้น
SCB 10X
Crypto Summer กับยุคของ “Institutional”
หลังจากผ่านยุค DeFi Innovation และช่วง Crypto Winter มาแล้ว ตอนนี้มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าอุตสาหกรรม Crypto ได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่องค์กรขนาดใหญ่หรือกลุ่มสถาบันเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง BlackRock พร้อมด้วยสถาบันกับธุรกิจใหญ่ๆ เริ่มยอมรับและเริ่มให้บริการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin หรือ Ethereum
ปัจจัยหลักที่เร่งให้เข้าสู่ช่วง “Crypto Summer” ไวขึ้น
- การรับรู้ที่เปลี่ยนไป: สถาบันและองค์กรชั้นนำเริ่มมองเห็นศักยภาพของ Crypto มากขึ้น และตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาด Crypto โดยสถาบันการเงินถูกดึงดูดด้วยโอกาสในการทำกำไรสูง และความสัมพันธ์ที่ต่ำกับประเภทสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น หุ้นและพันธบัตร
- มีความก้าวหน้าของกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น: การมีกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น ทำให้องค์กรขนาดใหญ่มีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนในตลาด Crypto มากขึ้น เช่น การอนุมัติกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน ETF ของ Bitcoint และ Ethereum ในบางพื้นที่ ทำให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึง Crypto ง่ายขึ้น และอยู่ภายใต้กรอบของกฎระเบียบ
- ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย: มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของสถาบันมากขึ้น เช่น ฟิวเจอร์ส, ออปชั่น และกองทุนรวมที่ลงทุนใน Crypto รวมถึงที่โดดเด่นอย่าง “โซลูชันการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล” (Institutional-grade) ได้มีการพัฒนาเพื่อรองรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากอย่างปลอดภัย มีบริษัทชั้นนำ เช่น Coinbase Custody, Fidelity Digital Assets และ Bakkt ที่นำเสนอคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และ ความคุ้มครองด้วยประกันภัย
Use Case และตัวอย่างที่น่าสนใจของสถาบันที่กำลังเคลื่อนไหวและยอมรับ Crypto
- BlackRock Bitcoin Trust ETF: BlackRock เปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสและก้าวสำคัญให้นักลงทุนสถาบันเริ่มยอมรับและสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้ง่ายขึ้น
- Ethereum ETF เปิดตัวให้เทรดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา: หลังจากที่ SEC อนุมัติ Spot ETF Bitcoin ชุดแรกหลังจากนั้นประมาณหกเดือน SEC ก็ได้อนุมัติ Spot ETF Ethereum ชุดแรกอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ทั้งหมดจำนวนเก้ารายที่สามารถทำการซื้อขายในวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา เช่น Bitwise Ethereum ETF (AETH) , Fidelity Ethereum Fund (FETH) , Invesco Galaxy Ethereum ETF (QETH) และ iShares Ethereum Trust ETF (ETHA) ของ BlackRock โดยในวันที่ 26 กรกฎาคม กองทุน Ethereum ETF ของ BlackRock (ETHA) ได้รับเงินไหลเข้าสุทธิมากที่สุดในกลุ่ม ที่ 354.8 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยกองทุน ETHW ของ Bitwise ที่ 249.9 ล้านดอลลาร์ และกองทุน FETH ของ Fidelity ที่ 180.1 ล้านดอลลาร์
- MicroStrategy บริษัทมหาชนแห่งแรกที่ถือ Bitcoin และสะสมมาเรื่อยๆ มากว่า 4 ปี: บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่แห่งนี้ที่นำโดย Michael Saylor ตัดสินใจนำเงินสำรองส่วนหนึ่งมาลงทุนใน Bitcoin เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
- Tesla: บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Tesla ได้ประกาศในเอกสารที่ยื่นต่อ SEC ไว้ว่าได้ซื้อ Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และยังกล่าวอีกว่าจะเริ่มรับ Bitcoin เป็นวิธีการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า Elon Musk ผู้นำความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีอิทธิพลกับการขยับของราคาตลาด Crypto อยู่เช่นกัน
- Mastercard: ร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ในการพัฒนาโซลูชันการชำระเงินที่ใช้ Blockchain
ตัวอย่างล่าสุด อย่างการเปิดตัวบัตรเดบิต Crypto ที่ใช้ยูโรของ Mastercard ที่จับมือกับ
Mercuryo เป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมต่อระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิมกับระบบ Crypto ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้จ่าย Crypto จาก Wallet แบบ Self-custody ได้สะดวกและง่ายขึ้น
สรุป
การเข้ามาของสถาบันและองค์ใหญ่ต่างๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อุตสาหกรรม Crypto เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา จนนำตลาด Crypto เข้าสู่ขาขึ้นหรือ Crpyto Summer ได้เร็วขึ้น และยังเป็นการยืนยันว่า Crypto นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีสำหรับนักลงทุนรายย่อยอีกต่อไป แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบันด้วย
ที่มา:
https://www.cnbc.com/2021/02/08/tesla-buys-1point5-billion-in-bitcoin.html
https://www.forbes.com/advisor/investing/cryptocurrency/crypto-market-outlook-forecast/