Node คืออะไร? และมีบทบาทอย่างไรในโลก Blockchain
ท่านที่ติดตามบทความเกี่ยวกับ Blockchain และ DeFi คงจะคุ้นเคยกับคำว่าโหนด (Node) กันไม่มากก็น้อย ซึ่งวันนี้ SCB 10X จะพาไปทำความรู้จักกันมากขึ้นว่า Node คืออะไรและสำคัญอย่างไร เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ที่จะผสานรูปแบบการให้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับการให้บริการทางการเงินแบบไร้ศูนย์กลางบน Blockchain
โหนด (Node) คืออะไร และสำคัญอย่างไร?
การนิยามคำว่า Node จะมีความแตกต่างกันไปตามบริบท เมื่อกล่าวถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือการโทรคมนาคม Node ทำหน้าที่เป็นจุดแจกจ่ายหรือเป็นจุดสิ้นสุดการสื่อสาร และโดยทั่วไป Node จะประกอบด้วยอุปกรณ์เครือข่ายที่เป็นกายภาพ แต่มีบางกรณีที่มีการใช้แบบเสมือนหรือที่เรียกว่า Virtual Nodes (V-nodes) ซึ่งใช้สำหรับการเข้าระบบไฟล์แบบเสมือนเท่านั้น และเครือข่าย Node คือตัวกลางที่สามารถทำการสร้าง รับ หรือส่งข้อความ
เมื่อพูดถึงในแง่ของ Blockchain Node จะหมายถึงอุปกรณ์ใดๆ ที่เชื่อมต่อกับ Blockchain ยกตัวอย่าง ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และ Wallets แบบออนไลน์ ทั้งบนโทรศัพท์มือถือและเดสก์ท็อป โดย Nodes ต่างๆ จะเชื่อมต่อกับ Blockchain ในทางใดทางหนึ่งและมีการอัปเดตซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องด้วยข้อมูลล่าสุดที่เพิ่มเข้าไปใน Blockchain
นอกจากนี้ Node เป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานของ Blockchain โดยทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง (Validation) เพิ่มเติมสำหรับบัญชีแยกประเภท (Ledger) และทำให้ทุกคนสามารถดูธุรกรรมหรือข้อมูลที่ดำเนินการหรือเก็บไว้ในเครือข่ายได้อย่างโปร่งใส ส่วนประโยชน์หลักของ Node คือการทำให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เก็บไว้ใน Blockchain มีความถูกต้อง ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้โดยบุคคลที่ได้รับอนุญาต
หน้าที่ของ Node
วัตถุประสงค์ของ Node คือการรักษาความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่จัดเก็บไว้ใน Blockchain ซึ่งที่จริงแล้วข้อมูลทั้งหมดที่ถูกจัดเก็บสามารถเก็บไว้ได้โดยเพียง Node เดียว (Full Node) แต่เมื่อยิ่งมี Node มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีการกระจายอำนาจมากขึ้นเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีปลอดภัยและมีความยืดหยุ่นต่อภัยคุกคาม เช่น ระบบขัดข้องหรือไฟฟ้าดับ เป็นต้น
เมื่อ Blockchain ถูกเพิ่มข้อมูลหรือ Block ใหม่ขึ้นมา Node จะทำหน้าที่เชื่อมต่อสื่อสาร Block ที่ถูกเพิ่มมานั้นไปยัง Node อื่นๆ ในเครือข่าย ขึ้นอยู่กับความถูกต้องของ Block ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา และประเภทของ Node สำหรับ Full Node ก็จะสามารถปฏิเสธหรือยอมรับ Block ใหม่ที่เพิ่มมาได้ แต่หาก Node มีการยอมรับ Block ใหม่ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บและบันทึกไว้ที่ด้านบนต่อจาก Block ที่มีอยู่แล้ว
- ตรวจสอบข้อมูลหรือที่เรียกว่า Block ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Blockchain
- จัดเก็บและบันทึกประวัติการทำธุรกรรมของ Block
- อัปเดต Node อื่นๆ ใน Blockchain เพื่อให้แน่ใจว่า Node ทั้งหมดมีข้อมูลที่เป็นล่าสุด
Node มีกี่ประเภท?
โดยทั่วไป Node จะมี 2 ประเภทหลัก คือ Full Nodes และ Light Nodes โดย Full Node จะประกอบด้วยสำเนาประวัติของ Block ทั้งหมด ได้แก่ Transactions Timestamps รวมถึง Block ทั้งหมดที่ได้ถูกสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น Full Bitcoin Node ก็จะ Host ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ Transaction ทุกรายการตั้งแต่การเริ่มต้นของเครือข่าย Bitcoin มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วน Light Nodes หรือที่เรียกอีกอย่างว่า SPV Nodes มักจะถูกดาวน์โหลดไว้ใน Wallet และเชื่อมต่อกับ Full Nodes เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เก็บไว้ใน Blockchain ซึ่ง Light Node จะมีขนาดเล็กมากและเก็บเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ Blockchain บางส่วนเท่านั้น
ใครสามารถดำเนินการ Node ได้บ้าง?
Blockchain บางตัวมีหลายพัน Nodes ที่ทำงานพร้อมกันทางออนไลน์ ซึ่งทุกคนสามารถดำเนินการ Node ได้โดยการดาวน์โหลดประวัติการทำธุรกรรมของ Blockchain และเมื่อพูดถึงเรื่องการทำธุรกรรมบน Blockchain การทำธุรกรรมในหนึ่งครั้งจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ดูแล Node ทุก Node ในระบบ ธุรกรรมนั้นจึงจะถือว่าสำเร็จ
ผู้ที่คลั่งไคล้ Crypto และ Blockchain จำนวนมากกำลังใช้งาน Node ด้วยความสมัครใจเพื่อการมีส่วนร่วมในชุมชน Blockchain เพื่อการพัฒนา รวมถึงความปลอดภัย และความมั่นคงของ Blockchain ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับพวกเขา เพราะเหมือนเป็นงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งและทำให้รู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนั้นๆ
การดำเนินการ Node ถือว่าค่อนข้างง่ายสำหรับผู้ที่เข้าใจเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อย และไม่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม Blockchain บางตัวมีข้อมูลธุรกรรมจำนวนมากซึ่งต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมากเพื่อดำเนินการ Full Node โดยผู้ใช้ Crypto หลายคนที่ต้องการใช้ Blockchain จะใช้แอปพลิเคชัน Wallet ซึ่งจะช่วยให้กระจายธุรกรรมจาก Wallet ของตนเองได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดประวัติ Blockchain ทั้งหมดบนอุปกรณ์ของตนเอง