ไขความลับ “Web 3.0” จะกลายเป็นอนาคตแห่งโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร?
ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีอย่าง ‘อินเทอร์เน็ต’ เข้ามามีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเราทั้งในการทำงานและในชีวิตประจำวัน ผู้คนต่างใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูล รวมถึงเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่ออย่างไร้พรมแดนอีกด้วย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเชื่อมต่อกับคนได้ทั่วโลกซึ่งทำได้อย่างสะดวกผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่รู้ไหมว่าตอนนี้มีหลายคนมองว่า ‘Web 3.0’ จะกลายเป็นอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ต แล้ว Web 3.0 จะกลายเป็นอนาคตของอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
ภูมิทัศน์ของ Blockchain ในปัจจุบันมีหลายอย่างที่เหมือนกันกับอินเทอร์เน็ตในยุคแรก ๆ เปรียบเสมือน "Wild West" (พรมแดนด้านตะวันตกของอเมริการะหว่างศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะมีรัฐบาลที่มั่นคง) ซึ่งไม่ปลอดภัย และไม่มีการควบคุมของ Portocal ที่เชื่อมต่ออย่างหลวม ๆ แทบจะไม่ปรากฏเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการค้าในอนาคต แม้นักวิจารณ์ในยุคแรก ๆ ของอินเทอร์เน็ตจะคิดผิดอย่างชัดเจนว่าไม่มีใครต้องการใช้อีเมล แต่อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์ยังคงไม่เห็นด้วยกับความสามารถในการใช้งานของ Blockchain
ความสามารถในการใช้งานที่เป็นรูปธรรมเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สุดในการขับเคลื่อน Blockchain ให้ผ่านพ้นช่วง wild-west ซึ่งการใช้ Crypto เพื่อการทำธุรกรรมทางการเงินยังคงค่อนข้างยาก แต่ที่สำคัญกว่านั้น Ecosystem ของ Web 3.0 ที่กว้างขึ้นยังขาดฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริงและขาด UX เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะมาแทนที่ Web 2.0
แน่นอนว่า Web 2.0 สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลและใช้งานง่าย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Facebook, Google, Uber, DoorDash และแอพธนาคารต่าง ๆ ผู้ที่ชื่นชอบ Crypto มักจะบ่นเกี่ยวกับปัญหา Centralization ใน Web 2.0 แต่ผู้ใช้ปลายทางกลับเห็นว่า Web 2.0 มีการทำงานที่เหมาะสมและประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ในทางกลับกัน ใน Web 3.0 พวกเขาเห็นเพียงถังขยะ UX ยอดนิยมที่มีศักยภาพเท่านั้น
Web 2.0 นับเป็นเทคโนโลยีไอทีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Microsoft และ Office Suite Microsoft Office เข้าสู่ธุรกิจเกือบทุกแห่งและทุกบ้านตั้งแต่ช่วงปลายยุค 90 โดยที่ซอฟต์แวร์อย่างกฎการเงินของ Excel และอีเมลของ Outlook ใช้งานได้ดีจนแม้แต่นักวิจารณ์และคู่แข่งก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้มัน ทุกวันนี้สิ่งที่เราแทบจะเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับ Google ว่าเราก็ไม่สามารถตัดขาดจาก Google ได้เกินหนึ่งสัปดาห์แม้จะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม
Web 3.0 ไม่มี Microsoft หรือ Google แต่มี crypto wallets ที่มีความสามารถในการใช้งานได้ดีที่สุดอย่าง MetaMask ซึ่งมักจะทำหน้าที่เป็น Portal เข้าสู่แพลตฟอร์ม โดย Web 3.0 มีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด จนถึงตอนนี้การทำงานร่วมกันเป็นเพียงคำมั่นสัญญาของโครงการที่มีความทะเยอทะยานมากเท่านั้น
จนถึงตอนนี้ โครงการ Crypto ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่เกม Play-2-Earn, การสร้าง NFTs ของกบพิกเซล หรือลิง อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้โครงการ Web 3.0 กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและเดินหน้าเพื่อให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสามารถนำ Blockchain ก้าวข้ามกระแสนิยมได้ เนื่องจากธุรกิจที่ต้องการการบริการต้องการความสามารถในการใช้งานและ use case ที่ช่วยพวกเขาได้ ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้เหมือนกับ Web 2.0 แต่ออกแบบมาเพื่อรวม Ecosystem ของ Crypto
ตัวอย่างเช่น กลุ่มอดีตผู้บริหาร AWS ได้รวมตัวกันและสร้าง Mailchain ซึ่งทำให้การรับส่งข้อความบน Web 3.0 ง่ายขึ้น มีลักษณะและฟังก์ชันเหมือนการตั้งค่าอีเมลพื้นฐาน แต่เบื้องหลังมีการให้บริการ Crypto และสร้างฟังก์ชันการใช้งานใหม่มากมายจากเทคโนโลยีไอทีปัจจุบันในพื้นที่ Web 3.0
นอกจากนี้แทนที่จะมีเป้าหมายเพื่อแทนที่โครงสร้างพื้นฐานของ Web 2.0 พวกเขาปรับปรุงด้วยฟังก์ชันการทำงานใหม่เพื่อจะก้าวไปอีกขั้น ตัวอย่างหนึ่งคือ Document GPS ซึ่งเป็นหนึ่งใน Solution เรื่องลายเซ็นของ ShelterZoom ซึ่งใช้ประโยชน์จาก Blockchain เพื่อสร้าง Token ไฟล์แนบอีเมลและเนื้อหาอื่น ๆ
Extension นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามไฟล์แนบในอีเมลและยกเลิกการเข้าถึง แม้ว่าผู้รับจะเปิดอีเมลแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังป้องกันการดาวน์โหลดซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนมากเกินไปและมลพิษทางข้อมูลจากการอัปโหลดและดาวน์โหลดไฟล์แนบหลายหมื่นล้านรายการที่ส่งมาซ้ำ ๆ ในแต่ละวัน
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Gmail เกิดขึ้นมาเพื่อปรับปรุงอีเมลอย่างแท้จริง แต่การใช้ Blockchain ทำให้อุตสาหกรรม Crypto สามารถตามทันการครอบงำของ Google ได้อย่างรวดเร็ว
Decentralized building หัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานแห่งการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
Blockchain สร้าง dynamic ใหม่สำหรับคนที่ไม่ต้องการให้บริษัทที่โดดเด่นเพียงแห่งเดียวอย่าง Google หรือ Microsoft สร้างฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดในโครงการเดียว แต่คุณสามารถมี collection ของโครงการต่าง ๆ ใน Ecosystem เดียวได้ ซึ่งนับเป็นจิตวิญญาณของ Web 3.0 ในการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย
Ethereum สามารถนำเสนอที่อยู่ให้กับโครงการที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย แต่ด้วยความยากลำบากในการจัดการ Bridge (สะพานที่เชื่อมต่อ Blockchain เข้าด้วยกัน) ให้ปลอดภัย และจัดการธรรมชาติของ L2 (solution ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกำจัดความช้าและจุดอ่อนต่างๆของ Ethereum เครือข่ายหลัก โดย) และ Sidechains (Blockchain อิสระที่เข้ากันได้กับ Ethereum โดยมีโมเดลที่สอดคล้องกันและ) ที่แยกจากกัน บางทีระบบอื่น ๆ อาจมีศักยภาพมากกว่าในการเป็นที่อยู่ของระบบนิเวศที่ครอบคลุมมากขึ้น
Decentralized building ยังคงเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเทคโนโลยี Blockchain โดยไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจเดียว เพราะฉะนั้นทิศทางและอนาคตของระบบจะไม่ถูกขับเคลื่อนโดยผลประโยชน์ของส่วนรวมและอาจยุ่งเหยิง แต่ก็สามารถมองความยุ่งเหยิงเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนของการพิจารณาร่วมกันอย่างถี่ถ้วนได้ การมี Killer Project (โปรเจกต์ที่สามารถผลักดันยอดขายให้แก่บริษัทได้) เพียงแค่โครงการเดียวในช่วงเวลาหนึ่งก็สามารถทำให้ภูมิทัศน์ทั้งหมดของศักยภาพใหม่ผลิบานได้
ตัวอย่างเช่น Polkadot ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน cross-chain ช่วยให้ solution ของ Layer-1 หลายตัวสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงอาจให้กำเนิดระบบนิเวศที่ใช้งานได้สูง จนถึงตอนนี้ Polkadot ประสบปัญหาขาด Killer Applications (โปรแกรมของซอฟต์แวร์ที่ดีที่สามารถผลักดันยอดขายและการเติบโตของแพลตฟอร์มหรือบริษัทโดยรวม) และความคืบหน้าของโครงการก็ล่าช้า
การเปลี่ยน Web 2.0 เป็นลำดับที่สูงสำหรับเทคโนโลยีต่าง ๆ และเป็นที่น่าสงสัยว่า Blockchain มีสินค้าให้ทำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในที่สุดอุตสาหกรรมกำลังก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด Funky NFT จะคอยรวบรวมข่าวและจินตนาการต่าง ๆ แต่ Infrastructure Companies (บริษัทที่ลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน) จะเป็นบริษัทที่นำ Web 3.0 ไปสู่แถวหน้า