milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
Technology
20 ธันวาคม 2565
ภาษาไทย

‘Web 3.0’ และ ‘Metaverse’ กับการสร้างคุณค่าในเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Web 3.0 และ Metaverse เป็นเทคโนโลยีและพื้นที่ที่สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับหลากหลายอุตสาหกรรมและยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เกิดกรณีการใช้งานจริงที่เพิ่มขึ้นและทำให้หลายฝ่ายต่างจับตามองเพื่อการต่อยอดและเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังมาถึง เทรนด์เทคโนโลยีและพื้นที่เสมือนจริงนี้สามารถสร้างคุณค่าและปูทางให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคตได้อย่างไร? มาหาคำตอบกันในบทความนี้

Article4ed_1200X800.jpg

เข้าใจจุดเริ่มต้นยุคอินเทอร์เน็ตสู่การมาถึงของ Web 3.0 และ Metaverse 

ความเข้าใจส่วนใหญ่ที่มีขึ้นในช่วงเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะนำพาการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเปลี่ยนวิธีการสื่อสาร การทำงาน และการเล่นใหม่ๆ ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็ได้บรรลุผลตามที่คาดไว้ในปัจจุบัน แต่การพึ่งพาเว็บมากขึ้นในทางกลับกันก็ทำให้เกิดผลเสียได้เช่นกัน ตั้งแต่การละเมิดข้อมูลไปจนถึงการแทรกแซงการเลือกตั้ง จึงเป็นที่ชัดเจนว่าอินเทอร์เน็ตแบบเก่าไม่ใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยเสมอไป 

แต่การมาของWeb 3.0’ อินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่รุ่นที่สาม ที่มีความปลอดภัย เป็นประชาธิปไตย เป็นระบบกระจายศูนย์ รวมถึงเปลี่ยนแปลงวิธีการโต้ตอบสื่อสารในโลกดิจิทัลใหม่ สร้างขึ้นบนปรัชญาที่ว่าอินเทอร์เน็ตควรเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบกระจายศูนย์แทนที่แบบรวมศูนย์ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีความบกพร่องที่หากเกิดขึ้นจุดเดียวและสามารถทำให้ระบบทั้งหมดล่ม (Single Point Of Failure) อีกต่อไป รวมถึงไม่มีอำนาจกลางที่คอยควบคุมด้านข้อมูล 

รวมถึง Metaverse เทรนด์แห่งอนาคตที่สร้างโอกาสมากมายในปัจจุบันและเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่าง ที่หมายถึงโลกเสมือนบน Web3 ที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันระหว่างบุคคลหรือโต้ตอบกับวัตถุดิจิทัลในพื้นที่แบบ 3 มิติ ซึ่งเป็นส่วนขยายของอินเทอร์เน็ตสู่โลกเสมือนจริงแบบสามมิติ เป็นแพลตฟอร์มที่สมจริง โต้ตอบกันได้และผู้คนสามารถสร้าง Avartar เพื่อเป็นตัวแทนของตัวเอง ซื้อและขายทรัพย์สินเสมือนจริง และโต้ตอบกับผู้ใช้รายอื่นแบบเรียลไทม์ และจากข้อมูลของ Statista ระบุว่าตลาด Metaverse ทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 47.48 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และคาดว่าอาจเพิ่มเป็น 678.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 แสดงให้เห็นถึงอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคตที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้น


จุดเด่นของ Web 3.0 และ Metaverse ที่พัฒนาจาก Web 2.0 รากฐานสำคัญในสร้างคุณค่าในเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคต

Web 3.0 แตกต่างจาก Web 2.0 ค่อนข้างมาก ในขณะที่ Web 2.0 เป็นระบบรวมศูนย์ (Centralized) และไม่สามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามระบบหรืออุปกรณ์อื่น (Non-Interoperable) แต่ Web 3.0 เป็นระบบกระจายศูนย์ (Decentralized) และสามารถทำงานร่วมกันได้กับระบบที่แตกต่าง (Interoperable) 

เป้าหมายหลักของ Metaverse ใน Web 3.0 คือการสร้างประสบการณ์และสร้างระบบใหม่ในการเป็นเจ้าของและระบบการเงิน ซึ่งสามารถทำได้ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่าน NFTs และสามารถซื้อและขายด้วยสกุลเงินดิจิทัลผ่าน Blockchain ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ Web 3.0

อย่างไรก็ตาม Web 3.0 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อมองในมุมของการยอมรับจากคนทั่วไปหรือในวงกว้าง ยกตัวอย่างการสำรวจร่วมกันของบริษัทที่ให้ปรึกษาและวิจัยธุรกิจอย่าง BCG (Boston Consulting Group) และ Potloc ที่การสำรวจครั้งนี้มีผู้เข้าร่วม 2,500 คนทั่วยุโรปและสหรัฐฯ โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 61% ระบุว่าพวกเขาคุ้นเคยกับคอนเซปต์ Web 3.0, Metaverse และ NFTs (เพียงหนึ่งคอนเซปต์หรือมากกว่า) และในทางกลับกันมีผู้ตอบแบบสอบถาม 16% ระบุว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินทั้งสามคอนเซปต์นี้ อย่างไรก็ตาม กรณีการใช้งานของ Web 3.0 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในอนาคตก็จะมีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น


เกิดกรณีการใช้งานที่หลากหลายบน Web 3.0 และ Metaverse กับการสร้างคุณค่าในเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคต 

เริ่มต้นกับตัวอย่างกรณีการใช้งานจากการวิจัยของ BCG: เรื่องการเข้าถึง (Reach) การมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Engagement) และ Loyalty ของผู้บริโภค โดยในแง่ของ “Reach” หรือ “Top of the Funnel” (TOFU) ซึ่งเป็นช่วงแรกที่ลูกค้าเข้ามาทำความรู้จักหรือเกิดการรับรู้แบรนด์ รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก Metaverse สำหรับสร้างการรับรู้แบรนด์และสร้างโชว์รูมเสมือนจริง พบว่าบริษัทและแบรนด์ดังต่างๆ อย่างเช่น Ferrari และ Nike ได้เข้ามาโฆษณาแบรนด์ของตนในโลกเสมือนจริงเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับผลิตภัณฑ์

ส่วนในแง่ของ "Community Engagement และ Loyalty" ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้ารู้จักกับแบรนด์ในระดับหนึ่ง มีกรณีการใช้งานขนาดใหญ่ อย่างเช่นการพัฒนาช่องทางการบริการลูกค้าแบบเสมือนจริงและการนำเสนอประสบการณ์รับชมผลิตภัณฑ์ในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงการสร้างรูปหรือ Avatar ประจำตัวสำหรับลูกค้า ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ Dolce & Gabbana ได้สร้างคอลเลกชัน NFT ที่ให้ลูกค้าเข้าถึงประสบการณ์และผลิตภัณฑ์ทั้งในออนไลน์และชีวิตจริงที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมีความคล้ายกันกับโปรแกรมสมาชิก (Membership) 

นอกจากนี้ Web 3.0 ยังสามารถใช้เพื่อปลดล็อกแหล่งรายได้และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ตัวอย่างเช่นแพลตฟอร์ม Metaverse อย่าง Decentraland เป็นโลกเสมือนที่ขับเคลื่อนโดย Ethereum Bockchain ผู้ใช้สามารถซื้อ ขาย หรือเช่าที่ดินที่สามารถใช้สร้างอะไรก็ได้ตามต้องการ และประสบการณ์เสมือนจริงเหล่านี้มีตั้งแต่เกมง่ายๆ ไปจนถึงเนื้อหาด้านการศึกษาและประสบการณ์ทางสังคม โดยตามรายงานการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปจากการวิเคราะห์ของ BCG และ Coinmarketcap พบว่า Opensea Land GMV (หรือ Google Metaverse Liquidity) ของ Decentraland อยู่ที่ 816 ล้านดอลลาร์ โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดโทเคนอยู่ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ และได้ระดมทุน 50 ล้านดอลลาร์จาก VC แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ The Sandbox ซึ่งเป็นโลกเสมือนบน Web 3.0 ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งมี GMV (หรือ Google Metaverse Liquidity) ที่ 612 ล้านดอลลาร์ โดยมีมูลค่าตลาดโทเค็นที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์ และได้ระดมทุน 93 ล้านดอลลาร์จาก VC แบบดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม การเล่นเกมไม่ใช่เพียงอุตสาหกรรมเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการนำ Web 3.0 มาใช้ และเมื่อเทคโนโลยีเติบโตย่อมส่งผลให้อุตสาหกรรมอื่นๆ จำนวนมากเริ่มเข้ามาสำรวจและเริ่มใช้งาน และเกิด Use Cases เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ๆ สำหรับธุรกิจของตนมากขึ้น อย่างเช่น อุตสหกรรมศิลปะ ความบันเทิง Social Media สุขภาพ แฟชั่นไปจนถึงภาครัฐ


ประสบการณ์สมจริงใน Web 3.0 กับอิทธิพลต่อ Content Marketing 

สื่อที่ให้ประสบการณ์สมจริงใน Web 3.0 คืออนาคตของ Content Marketing หรือการที่แบรนด์ใช้คอนเทนต์เป็นสื่อกลางเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย สามารถใช้สร้างเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน เพื่อการมีส่วนร่วมโต้ตอบและสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงกับคอนเทนต์ โดยปัจจุบันมีการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และอยู่ระหว่างการสำรวจเพื่อพัฒนาศักยภาพในอนาคต

สื่อที่ให้ประสบการณ์สมจริงมีผลกระทบอย่างมากต่อวิธีที่เรารับรู้คอนเทนต์ในอนาคต เปลี่ยนวิธีที่ใช้งานอุปกรณ์เพื่อโต้ตอบ หรือวิธีที่เราโต้ตอบสื่อสารกันกับผู้อื่น และวิธีที่เรารับข้อมูล การใช้สื่อที่สมจริงกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Augmented Reality, Virtual Reality, วิดีโอ 360 องศา และอื่นๆ ช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลสำหรับผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น

และที่สำคัญอนาคตของ Content Marketing บน Web 3.0 ที่ขับเคลื่อนด้วย Blockchain และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Blockchain ได้ถูกพัฒนาเป็นระบบสำหรับการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้เพื่อจัดเก็บอะไรก็ได้ตั้งแต่ข้อมูลวิชาการไปจนถึงเนื้อหาสื่อการตลาด ดังนั้น Web 3.0 สามารถเก็บข้อมูลทั้งหมดบน Blockchain แทนที่การเก็บข้อมูลแบบเดิมที่เก็บไว้ในส่วนกลางเพียงไม่กี่แห่ง


ธุรกิจเตรียมตัวอย่างไรสำหรับการมาถึงของ Web 3.0?

ในยุค Web 3.0 โลกดิจิทัลจะเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเป็นและทำทุกอย่างที่คุณต้องการทำ หมายความว่าสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อจำกัดทั้งทางกายภาพ สถานที่และเวลาบน Metaverse และเป็นโลกที่ความเป็นจริงและเสมือนจริงถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น 

อย่างไรก็ตามอนาคตของ Web 3.0 ไม่ใช่สิ่งที่คาดเดาได้และยังเป็นเพียงช่วงเริ่มต้น ดังนั้นการเตรียมพร้อมของธุรกิจอาจเป็นการคาดการณ์ถึงวิวัฒนาการและบทบาทที่เราสามารถทำได้ในอินเทอร์เน็ตยุคใหม่นี้ รวมถึงการเตรียมสร้างชุดทักษะไปจนถึงการสำรวจตนเองให้แน่ใจว่ามีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังมาถึงของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Accept