milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
Technology
30 พฤษภาคม 2565
ภาษาไทย

เทรนด์ความบันเทิง วัฒนธรรมคนดัง และโอกาสในโลก Metaverse

Snoop Dogg กับการปรากฏตัวบนโลก Metaverse และ NFT ของเขาได้สร้างความตื่นเต้นและดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก และสร้างความสนใจไปยังเทรนด์โลกเสมือนจริง ซึ่งครั้งนี้ SCB 10X จะพาไปพบกับมุมมองการทำงาน แง่คิดต่างๆ และประสบการณ์การร่วมงานกับ Snoop Doog โดย Nicholas Adler, Snoop Dogg’ s Investment Manager ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดและอยู่เบื้องหลังอาณาจักร Metaverse ของแรปเปอร์ชื่อดัง

Screencredit_1200X800-01.jpg

รู้จัก Nicholas Adler และการร่วมงานกับ Snoop Dogg

Nicholas Adler กลายเป็นที่รู้จักอย่างมากเมื่อได้มาทำงานร่วมกับ Snoop Dogg ก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานด้านการผลิตรายการโทรทัศน์และได้รู้จักกับ Snoop Doggในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับครอบครัวของ Snoop Dogg จากนั้นได้เริ่มต้นทำงานร่วมกันตั้งแต่การช่วยสร้างแบรนด์และการทำข้อตกลงหรือสัญญาต่างๆ และเมื่อเวลาผ่านไปก็นำไปสู่การทำงานบน Social Media ด้วยการช่วยสร้างตัวตนบนโลก Social ให้กับ Snoop Dogg ต่อมาก็ได้ก่อตั้งเป็น Creative Agency จึงมีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังมากมาย และเมื่อ Nicholas ได้เห็นว่ามีเทรนด์ของ Web3 NFT และ Metaverse เกิดขึ้น จึงได้ตัดสินใจเข้ามาให้ความสำคัญและลงลึกไปกับเทคโนโลยีเหล่านี้จน Snoop Dogg ได้ปรากฏตัวขึ้นในโลก Metaverse ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นดังที่ทุกคนได้เห็นกัน


ความหมายของ Metaverse ในมุมมองของ Nicholas Adler 


อย่างที่ทราบว่าโลก Metaverse มีองค์ประกอบหลายส่วนและมีความเปิดกว้างมาก เช่น Web3 และ Blockchain หรือประกอบและการใช้งานส่วนอื่นๆ รวมถึงสามารถใช้งานร่วมกันได้หลายแพลตฟอร์ม และสามารถมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์การใช้งานบนโลก Metaverse ได้หลายรูปแบบ ซึ่ง Nicholas ให้ความเห็นว่าในอนาคตเราอาจสามารถพบปะกันได้แบบตัวต่อตัวเพื่อพูดคุยสื่อสารกันได้ในประสบการณ์ที่สมจริงกับคนดังอย่างเช่น Snoop Dog และทำให้แฟนเพลงสามารถติดตามผลงานดนตรีหรือศิลปินในประสบการณ์เสมือนจริงที่แปลกใหม่และเพลิดเพลิน


มุมมองเกี่ยวกับเทรนด์การลงทุนในโลก Metaverse 

Nicholas ให้ความเห็นว่ามีโอกาสในการลงทุนมากมายในโลก Metaverse ยกตัวอย่างบนแพลตฟอร์ม The Sandbox ที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่ายและเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน ทำให้เราสามารถถือสินทรัพย์ สร้างสรรค์ Avartar หรือไอเทมและทำกิจกรรมเกมต่างๆ มากมาย และเป็นเหตุให้พวกเขาตัดสินใจเข้าไปลงทุนในเกมนี้ และยังได้เห็นโอกาสของการลงทุนในวงการเกมมากมาย หรือด้านดนตรีที่เห็นได้ชัดเจนโดยมี เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่ทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งคนที่สร้างผลงานและต้องการเป็นเจ้าของผลงานที่สร้าง หรือเรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ทางดนตรีรูปแบบใหม่และเป็นหนทางใหม่ของการสร้างสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของ ดังนั้นการลงทุนด้านดนตรีใน Metaverse จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ตัวอย่างเช่นบริษัท Sound.xyz ที่ทำให้งานดนตรีถูกขับเคลื่อนด้วยศิลปินและผู้ฟัง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ติดตามและทำให้เห็นมุมมองด้านดนตรีที่แตกต่างออกไป 

รวมถึงยังมีบริษัทเกี่ยวกับ Digital Wearable เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับสำหรับโลก Metaverse ซึ่งเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน 

ประเด็นการลงทุนล่าสุดที่น่าสนใจของ Snoop Dogg คือตัดสินใจซื้อค่ายเพลง Death Row Records ค่ายเพลงสัญชาติอเมริกันชื่อดัง โดย Nicholas เห็นว่าเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมและเป็นการเริ่มต้นหนทางสู่ Web3 ของโลกดนตรี โดยจะกลายเป็นค่ายเพลง NFT ที่ทำให้ผู้ที่ผลิตงานและผู้บริโภคมีสิทธิ์ในการทำกิจกรรมกับงานเพลงนั้นๆ มากขึ้น เช่น สิทธิ์ความเป็นเจ้าของและรีมิกซ์เพลง เป็นต้น


ข้อดีของ Metaverse เมื่อเทียบกับวิธีแบบดั้งเดิมที่เหล่าดาราคนดังใช้บริหารแบรนด์


Nicholas ให้ความเห็นว่ามีข้อดีและเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่กับสิ่งที่ทำได้บน Metaverse มากมาย อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องของ Ownership หรือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ อย่างเช่นในธุรกิจดนตรีที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วย ทำให้ศิลปินสามารถเป็นเจ้าของผลงานหรือแชร์ความเป็นเจ้าของนั้นได้ และยังมอบสิทธิ์ส่วนต่างๆ ของความเป็นเจ้าของให้กับผู้บริโภคได้ด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์และต่างจากวิธีแบบดั้งเดิมมาก

แต่ในทางกลับกันก็ยังมีข้อเสีย เนื่องจากเทคโนโลยีหรือระบบใหม่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นใน Metaverse Web3 DeFi หรือ NFT ที่ระบบการใช้งานหรือ Community ยังไม่มีความพร้อม ดังนั้นต้องมีความระมัดระวัง เมื่อผู้คนต่างเข้ามาในพื้นที่นี้อย่างรวดเร็วและยิ่งสร้างสิ่งต่างๆ มากขึ้น ก็ต้องแน่ใจว่าจะมี Community หรือระบบที่รองรับหรือจะมีคนซื้อในสิ่งที่เราได้สร้างขึ้นมา


Snoop Dogg กับการสร้างสรรค์ประสบการณ์บนโลก Metaverse

สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในโลก Metaverse และยิ่งเมื่อเป็นคนมีชื่อเสียงอย่าง Snoop Dogg ก็ยิ่งต้องมีการสร้างความมั่นใจและแสดงให้สังคมเห็นว่าพวกเขามีประสบการณ์ในพื้นที่นี้

โดยพวกเขาได้เริ่มเส้นทางนี้ด้วยการทำงานและการลงทุนที่หลากหลายร่วมกับองค์ต่างๆ ตั้งแต่ Crypto.com มาจนถึงการสร้าง Mansion ใน The Sandbox ไปจนถึงการเปิดตัว Avartar ที่เรียกว่า “The Doggies” ออกมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นและถูกขายหมดไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็น Avartar ที่สามารถนำมาใช้เล่นบน The Sandbox Alpha นอกจากนี้ยังวางแผนในการร่วมมือกันครั้งใหญ่กับแพลตฟอร์มเกม Gala เกม Blockchain ชื่อดังโดยที่จะเป็นการนำงานเพลงจากค่ายเพลง NFT ไปใช้ประโยชน์ภายในเกม 

และในแง่ผลงานส่วนตัวของ Snoop Dogg ก็กำลังมีการทำเพลงเพื่อเตรียมนำมาจำหน่ายบน Blockchain โดยเฉพาะ


แผนพัฒนาและสิ่งที่กำลังมองหาในอุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรีบน Web3 หรือ DeFi 

Nicholasให้ความเห็นว่า จากสิ่งที่ได้เรียนรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาในเส้นทางนี้ รวมถึงได้มีการพิจารณาจากส่วนของการจัดการและเอเจนซี่ก็ให้ความเห็นว่าจำเป็นต้องมี Social Media Manager เพื่อมาดูแลแพลตฟอร์ม Social ช่องทางต่างๆ และปัจจุบันยังต้องการจ้างผู้เชี่ยวชาญอย่างเช่นนักเศรษฐศาสตร์ นักบัญชีหรือนักวิเคราะห์เพื่อมาช่วยดูในส่วนของการใช้งาน Token และแน่นอนว่ากำลังมองไปที่โลก DeFi อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม DeFi เป็นอย่างดีเข้ามาร่วมทีมเพื่อช่วยในส่วนนี้ เพื่อที่จะสามารถต่อยอดและขยายธุรกิจรวมถึงการลงทุนไปยังแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ ได้


ผู้มีชื่อเสียงควรยึดติดอยู่กับแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่แห่ง หรือควรขยับไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ใน Metaverse อย่างทั่วถึง? 

Nicholas ให้ความเห็นว่า อย่างที่หลายคนได้สัมผัสกันถึงประสบการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในโลก Metaverse ถ้าหากเข้ามาในพื้นที่นี้เร็วก็จะได้สัมผัสประสบการณ์มากมาย ซึ่งเขาเชื่อว่าเทรนด์ของ Metaverse และการสัมผัสประสบการณ์ในรูปแบบดิจิทัลต่างๆ จะเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมและยังสร้างความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับเหล่าคนที่มีความสามารถ ซึ่งแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมก็จะสามารถดึงดูคนที่มีความสามารถเข้ามาได้มาก โดยส่วนตัว Nicholas ชอบในพื้นที่ Metaverse นี้มากเพราะยังเป็นอะไรที่ใหม่และยังสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ ได้หลายที่และสามารถทดลองอะไรก็ได้ แต่เพื่อเป็นการให้ความเคารพต่อพันธมิตรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปใช้งานแพลตฟอร์มอื่น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ต้องการรู้สึกว่าต้องยึดติดอยู่กับที่ใดที่หนึ่งเพราะว่ามีอีกหลายอย่างที่อาจต้องการทำ โดยสรุปคือศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงบางคนอาจจะใช้งานอยู่กับเพียงไม่กี่แพลตฟอร์มแต่บางคนอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Accept