ปลดล็อกอนาคตการชำระเงิน: ส่องโอกาสและความท้าทายของ Stablecoins

Key Takeaways
- Stablecoin มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล แต่การขยายการใช้งานในระบบการเงินกระแสหลักยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย
- ข้อจำกัดหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เอื้อต่อการทำงานข้ามระบบ (ระบบปิด) การขาดกลไกการหักบัญชีที่มีประสิทธิภาพ และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ
- ทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น Tokenized Deposits และ Tokenized Money Market Fund Shares กำลังเข้ามาเสริมศักยภาพของระบบการชำระเงินดิจิทัล
- ความสำเร็จในอนาคตของ Stablecoin ขึ้นอยู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความโปร่งใสในการดำเนินงาน และการได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทุกภาคส่วน
บทบาทและศักยภาพของ Stablecoins ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการชำระเงิน
ในยุคที่สกุลเงินดิจิทัลได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง 'Stablecoins' กลายเป็นโซลูชันที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับระบบ Cryptocurrency ที่กำลังเติบโต
- Stablecoin คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ โดยส่วนใหญ่มักจะตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงิน Fiat หลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดความผันผวนสูงซึ่งเป็นลักษณะเด่นของ Cryptocurrency ทั่วไป
- ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ความรวดเร็วในการทำธุรกรรม ต้นทุนต่ำ และความสามารถในการรองรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงอย่างมาก ทำให้ผู้รับเงินได้รับเงินเต็มจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้บริษัทสามารถชำระเงินให้คู่ค้า พนักงาน หรือผู้สร้างคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
- Stablecoin จึงได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดในฐานะที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบการชำระเงินในเศรษฐกิจ Web3 และ Blockchain
- แม้แต่ PayPal ก็ได้เข้ามาในตลาดนี้ โดยเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตนเองภายใต้ชื่อ “PYUSD” ในเดือนสิงหาคม 2023 ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ด้านสกุลเงินดิจิทัลที่กว้างขึ้นของบริษัท การเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมว่า Stablecoins มีข้อได้เปรียบหลายประการ และถูกมองว่าเป็นวิวัฒนาการของการชำระเงินยุคใหม่ที่สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งรองรับการตั้งโปรแกรมที่หลากหลาย
- ในปี 2025 นี้ Visa และ Mastercard ก็ได้รุกขยายการรองรับการชำระเงินด้วย Stablecoin อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหรียญ USDC ที่ออกโดย Circle ซึ่งทั้งสองบริษัทให้ความสำคัญกับการผสานรวม Stablecoin เข้ากับระบบการชำระเงินที่มีอยู่ มุ่งหวังที่จะยกระดับความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมให้ดียิ่งขึ้น
- สำหรับ Visa ได้ร่วมมือกับ Circle เพื่อเปิดใช้ระบบการชำระเงินด้วย USDC โดยเฉพาะในตลาดละตินอเมริกา และยังได้เปิดตัวโปรเจกต์บัตรร่วมกับ “Baanx” ซึ่งเป็นบัตรที่สามารถใช้จ่าย USDC ได้โดยตรงจากกระเป๋าเงิน Crypto ของผู้ใช้ โดยใช้ Smartcontract ในการโอนยอดคงเหลือของ Stablecoin ไปยัง Baanx แบบเรียลไทม์ ซึ่ง Baanx จะทำการแปลงยอดคงเหลือนั้นเป็นสกุลเงิน Fiat สำหรับการชำระเงิน นอกจากนี้ Visa ยังได้ลงทุนใน BVNK ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินด้วย Stablecoin เพื่อขยายการเข้าถึงและการใช้งาน Stablecoin ในธุรกิจต่างๆ
- ทางด้าน Mastercard ก็เร่งขยายความสามารถในการชำระเงินด้วย Stablecoin โดยเปิดตัวระบบการชำระเงินแบบครบวงจรทั่วโลก ซึ่งช่วยให้ผู้คนและธุรกิจสามารถทำและรับการชำระเงินด้วย Stablecoin ได้ทุกที่ทุกเวลา
- ข้อมูลจาก Visa Onchain Analytics ระบุว่า ในช่วง 12 เดือนล่าสุด มูลค่าการทำธุรกรรม Stablecoin ทั้งหมดอยู่ที่ 33.1 ล้านล้านดอลลาร์ และเมื่อปรับกรองกิจกรรมที่ผิดปกติจะเหลือมูลค่าการชำระเงินจริงสูงถึง 6.7 ล้านล้านดอลลาร์ และมีธุรกรรมที่ตรวจสอบแล้วผ่านกว่า 1.4 พันล้านรายการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Stablecoin ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของการชำระเงินบน Blockchain และการใช้งานจริงในเชิงชำระเงินอย่างเป็นรูปธรรม

ข้อจำกัดและความท้าทายในปัจจุบัน
ถึงแม้ Stablecoin จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดที่สำคัญซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการนำไปใช้งานในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น:
- ระบบปิด (Closed Loop): ปัจจุบัน Stablecoin ส่วนใหญ่ยังคงจำกัดการใช้งานอยู่ภายในระบบเฉพาะของตนเอง เช่น บนแพลตฟอร์ม DeFi หรือแพลตฟอร์มซื้อขาย ทำให้ไม่สามารถโอนข้ามระบบได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งานและการบูรณาการเข้ากับระบบการเงินดั้งเดิม หากต้องการมีความสำคัญอย่างแท้จริง Stablecoin จำเป็นต้องปรับตัวไปสู่การใช้งานในวงกว้าง (Open Loop Applications) ผ่านระบบการหักบัญชีทั่วไป (Generalised Clearing) ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับการขยายขนาดในการชำระเงิน
- ขาดกลไกการหักบัญชี (Clearing Arrangements): เนื่องจาก Stablecoin ส่วนใหญ่ยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับระบบธนาคารหรือสถาบันการเงินหลัก ทำให้การนำไปใช้ชำระเงินในระบบการเงินดั้งเดิมยังไม่สะดวก
- ความเสี่ยงคู่สัญญาและเครดิต: ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือของผู้ออกเหรียญ โดยที่ยังไม่มีการรับประกันเสถียรภาพจากสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านเครดิตและความไม่แน่นอนของมูลค่า Stablecoin
- สภาพคล่องและความมั่นคง: ในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง หรือเกิดความตื่นตระหนก (Panic Selling) นักลงทุนมักจะต้องการเปลี่ยนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูง เช่น เงินสด ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อ Stablecoins ได้เช่นกัน แม้ว่า Stablecoins จะถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่โดยการตรึงไว้กับสินทรัพย์อื่น (เช่น เงิน Fiat หรือสินค้าโภคภัณฑ์) แต่ความสามารถในการแลกเปลี่ยน Stablecoins กลับเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วและในราคาที่ตรึงไว้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป
- ความไม่ชัดเจนด้านกฎระเบียบ: กรอบกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการออกและการใช้งาน Stablecoins ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
แนวทางใหม่ปลดล็อก Stablecoins ที่น่าสนใจ
เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ Stablecoins ได้มีการพัฒนาแนวทางใหม่ที่น่าสนใจ ได้แก่:
- Tokenized Deposits (เงินฝากในโลกดิจิทัลที่ธนาคารรับรอง): คือเงินฝากที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบโทเคนบน Blockchain ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเงินฝากจริงภายใต้การกำกับดูแลของธนาคาร ทำให้มีความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยสูงขึ้น
- Tokenized Money Market Fund Shares (กองทุนตลาดเงินในรูปแบบโทเคน): คือหน่วยลงทุนในกองทุนตลาดเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเคน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสภาพคล่องในการลงทุนและการชำระเงิน
ทั้งสองแนวทางนี้มุ่งเน้นไปที่การนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้โดยไม่ลดทอนมาตรฐานความปลอดภัยและการกำกับดูแลที่มีอยู่ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขข้อจำกัดบางประการของ Stablecoins พร้อมกับยังคงรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่ผู้ใช้งานคุ้นเคย
สำหรับแนวทางเรื่อง Tokenized Deposits และ Tokenized Money Market Fund Shares ถูกหยิบยกขึ้นโดยกลุ่มสถาบันการเงินและผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Blockchain ชั้นนำอย่าง Fireblocks ร่วมกับพันธมิตรธนาคารจำนวนมาก ในการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ออกเงินฝากในรูปโทเคน และทดลองสร้างหน่วยลงทุนกองทุนตลาดเงินบน Blockchain เพื่อเสริมความปลอดภัยและสภาพคล่องของ Stablecoins (PR Newswire)
นอกจากนี้ โครงการ Sygnum Connect ของ Sygnum Bank ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ใช้งาน “Tokenized Deposits” บนแพลตฟอร์มของ Fireblocks เพื่อเปิดใช้งานการชำระเงินแบบ 24/7 ระหว่างธนาคารและตลาดทุนจริง โดยผสมผสานข้อได้เปรียบของเงินฝากธนาคารกับความรวดเร็วของ Blockchain (Fireblocks)
เงื่อนไขสำคัญเพื่อดัน Stablecoins เกิดการใช้งานในวงกว้าง
Stablecoins สามารถก้าวขึ้นมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชำระเงินในระดับโลกได้ จำเป็นต้องมีการพัฒนาหลายด้าน ตัวอย่างเช่น:
- การกำกับดูแลที่ชัดเจน: ต้องมีกรอบกฎหมายและข้อบังคับที่โปร่งใสและสอดคล้องกันในระดับนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาด
- โครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงได้: ต้องสามารถเชื่อมต่อกับระบบธนาคาร ระบบการหักบัญชี และโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างราบรื่น
- การบริหารความเสี่ยง: ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดในการรองรับความเสี่ยงด้านเครดิต สภาพคล่อง และคู่สัญญา
- การยอมรับจากภาคส่วนสถาบัน: ทั้งความร่วมมือกับธนาคาร บริษัทเทคโนโลยี และผู้ให้บริการชำระเงิน เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้เกิดการใช้งานจริงในวงกว้าง
แนวโน้มในอนาคต
- ระบบนิเวศของ Stablecoins ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และผู้นำในอุตสาหกรรมต่างมองเห็นศักยภาพในการแก้ไขปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพที่มีมาอย่างยาวนานในระบบการชำระเงินทั่วโลก การที่ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง PayPal ให้การสนับสนุน Stablecoins อย่างแข็งขัน บ่งชี้ว่าเราอาจกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวิธีการเคลื่อนย้ายเงินทั่วโลก และเป็นที่น่าติดตามว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาต่อไปอย่างไร และจะสร้างโอกาสใหม่ๆ อะไรบ้างในอนาคต
- ปัจจุบันจะมี Stablecoins เกิดใหม่จำนวนมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในที่สุดจะมีการรวมตัวกัน และปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จคือการมีผู้ใช้งานจำนวนมาก มีกรณีการใช้งานที่หลากหลายและใช้งานได้จริง รวมถึงมีความสะดวกในการเปลี่ยนจากเงินจริงเป็น Stablecoins หรือเปลี่ยนจาก Stablecoins เป็นเงินจริง
นอกจากนี้ การปฏิบัติตามกฎหมายและการมีหน่วยงานกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ Stablecoins ได้รับการยอมรับและใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงิน การสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนานวัตกรรมและการมีกฎระเบียบที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ Stablecoins ในอนาคต
สรุป
Stablecoin แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปฏิวัติระบบการเงินดิจิทัล ด้วยคุณสมบัติด้านความเร็ว ความโปร่งใส และต้นทุนที่ต่ำกว่าโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบเดิม อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ Stablecoin สามารถก้าวข้ามจากการเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ในระบบปิด ไปสู่การมีบทบาทสำคัญในระบบการชำระเงินกระแสหลัก จำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ และการได้รับการยอมรับในระดับสถาบันอย่างกว้างขวาง
ในอนาคตอันใกล้ เราอาจไม่ได้เห็นเพียงแค่ Stablecoin เท่านั้นที่มีบทบาท แต่เป็นเครือข่ายของเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี Blockchain กับโครงสร้างทางการเงินแบบดั้งเดิมก็เป็นได้
------------------------------
Sources:
- OMFIF – Are Stablecoins Ready for Payments?
- Fireblocks – Are Stablecoins the Future of Payments?
- Fireblocks – Decoding Stablecoins: A Revolution in Blockchain-Based Payments
- Fireblocks – SMBC Teams Up with Fireblocks to Advance Stablecoin Adoption
- PR Newswire – Fireblocks Joins Stablecoin Standard to Establish Governance and Security Standards for Stablecoins