ทิศทางการเติบโตของตลาด E-Commerce ไทย
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยุคนี้ โดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอยนั้นทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ เริ่มต้นตั้งแต่หาข้อมูล เปรียบเทียบราคา หาแพลตฟอร์มเพื่อสั่งซื้อ ไปจนกระทั่งขั้นตอนรับสินค้าที่มีความรวดเร็วทันใจจนแทบไม่ต้องออกไปร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงนี้นั้นยิ่งผลักดันให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาก็ยิ่งกระตุ้นให้การใช้จ่ายทางออนไลน์อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธุรกิจ E-Commerce ยิ่งโตขึ้น โดยในปี 2563 สำหรับภูมิภาคเซาท์อีสต์เอเชีย (SEA) ก็พบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นและคาดการณ์มูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,700,000 ล้านบาท รวมถึงข้อมูลจาก Google-Temasek คาดว่า E-Commerce ใน SEA จะทะลุถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 เลยทีเดียว ส่วนมูลค่าตลาด E-Commerce ของไทยในปี 2563 นั้นคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 220,000 ล้านบาท หรือเพิ่มจากปี 2562 ถึง 35%
ภาพรวมและเทรนด์ใหม่ๆของ E-Commerce ไทยในปี 2020
จากการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของ ICT ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจุบันที่การใช้สมาร์ตโฟนกลายเป็นสิ่งที่หลายๆ คนนั้นขาดไม่ได้ไปแล้ว อีกทั้งการเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายที่มีมากขึ้นและใช้ต้นทุนในการเชื่อมต่อลดลง ก็ยิ่งทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศทำได้สะดวกขึ้น
จากหลายๆ ปัจจัยข้างต้นและด้วยพฤติกรรมคนไทยที่พบว่ามีการใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตหรือออนไลน์มากที่สุดในโลก โดยกิจกรรมออนไลน์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการช้อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจ E-Commerce ไทยนั้นจะเติบโตขึ้นและยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล่าผู้ประกอบการ SME ทั้งหน้าใหม่และเก่าต้องตื่นตัวและปรับตัวไปตามเทรนด์ให้ทัน โดยในปี 2020 จะใช้วิธีการเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากขึ้นด้วย 3 ช่องทางหลักๆ ได้แก่ E-Marketplace, Social Commerce และ e-Retail หรือ e-Brand และยังมีข้อสังเกตเทรนด์ E-Commerce ไทยอื่นๆที่น่าสนใจ ดังนี้
- แบรนด์ต่างๆ ที่เคยเป็น Offline ได้เปลี่ยนมาทำ Online เกือบทั้งหมด ทุกวันนี้แทบไม่มีธุรกิจใดใช้ช่องทางการขายเพียงช่องทางเดียวแล้ว เพราะต่างทราบดีว่าการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์นั้นไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องมีพ่อค้าคนกลาง สามารถสร้างกำไรได้มากขึ้น และยังสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้เพื่อทำการตลอดในอนาคตต่อไปได้อีกด้วย การมี Channels ในการขายที่มากขึ้นและ Omni Channels ที่จะช่วยให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าและให้ประสบการณ์ที่ราบรื่น
- มีการใช้ AI ในการพัฒนาสินค้าและบริการ ในปี 2020 AI ได้เข้ามามีบทบาทในส่วนของอุตสาหกรรมบริการมากขึ้น แม้ทั่วโลกจะมีการใช้ AI ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตเชิงพาณิชย์ขั้นพื้นฐานแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องต้นทุนและยังมีข้อบกพร่องของ AI ที่ยังทำให้ด้อยกว่าการใช้แรงงานอยู่ หากสามารถพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพและเก่งกาจขึ้นได้ ในอนาคตก็อาจจะทำให้แรงได้รับผลกระทบหรือยิ่งมีการลดจำนวนของแรงงานลงได้
- ธุรกิจ E-Commerce ไทยมีการแข่งขันสูงกันขึ้นอย่างชัดเจน เพราะไม่ใช่จะมีแต่ผู้ประกอบการภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากจีน โดยพบว่าสินค้าบนอินเทอร์ส่วนใหญ่นั้นก็นำเข้ามาจากจีนกว่า 80% เลยทีเดียว รวมถึงมีนโยบายการค้าเสรีที่เข้ามาช่วยให้การขนส่งระหว่างประเทศทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย ทำให้ผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมตัวรับมือกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่จะเข้ามามีบทบาทใน E-commerce ไทยมากขึ้นในปีนี้และปีต่อๆไป
- การเเข่งขันของธุรกิจ Logistic ก็มีการแข่งขันกันสูงขึ้น เนื่องจากมีการเติบโตของการขายปลีกออนไลน์มากขึ้นและผู้ซื้อก็ต้องการการขนส่งที่รวดเร็ว ซึ่งทั้งผู้ประกอบการของไทยและต่างประเทศก็ต่างลงทุนใน E-Logistic เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการก้าวหน้าของธุรกิจของจน โดยการลงทุนใน E-Logistic จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และยังสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวแบบ Real-time ผ่านทางสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย
- ปรับกลยุทธ์โดยเน้นวิธีการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง มีแนวโน้มที่หลายๆ องค์กรจะหันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น มีการทำให้ลูกค้าและผู้ขายสามารถเข้าถึงกันได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มโดยตรง หรือที่เรียกว่า “Direct to Customers” ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางหรือสื่อออนไลน์ต่างๆ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- ธุรกิจ Fulfillment มีการเติบโตขึ้นจากธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัวอย่างมาก หลายๆบริษัทหันมาใช้บริการ Fulfillment เพื่อความสะดวกสบายในการจัดเก็บ แพ็ค และจัดส่งสินค้า เพราะเดิมทีเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเสียเวลา ยกตัวอย่างบริการของ MyCloudFulfillment ผู้ให้บริการ Fulfillment เพื่อช่วย E-Commerce Enabler หลากหลายรูปแบบ โดยจะช่วยในเรื่องของการจัดเก็บ แพ็ค และจัดส่งสินค้า มีระบบจัดการออเดอร์ที่เชื่อมต่ออัตโนมัติ สามารถอัพเดทสต๊อกได้แบบ Real-time ช่วยให้เหล่าผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจ Omni-channels หมดกังวลกับขั้นตอนดังกล่าวและสามารถโฟกัสกับการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัวขึ้นตามที่กล่าวไปข้างต้น รวมถึงมีผู้ค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังต้องเจอกับอุปสรรคในการแข่งขันกันทั้งในไทยและจากต่างประเทศ ซึ่งทาง SCB 10X ได้ทำการสำรวจและพบว่าผู้ค้าออนไลน์หลายราย มีความสามารถในการขายออนไลน์ สามารถทำคอนเทนต์และปิดการขายได้ดี แต่ก็ยังมีปัญหาในการหาสินค้ามาขาย อย่างเจอการส่งที่ล่าช้า การซื้อที่ไม่สะดวก ถูกโกง และตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าไม่ได้มีเพียงคู่แข่งในไทยแต่ก็มีคู่แข่งจากต่างประเทศด้วย นั่นคือร้านหรือผู้ค้าออนไลน์จากจีนที่มาเปิดร้านบน Marketplace เจ้าดังในบ้านเรามากขึ้นอีกด้วย
จาก Pain Point ของผู้ค้าออนไลน์สู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายส่ง “เหมา-เหมา”
นอกจากการปรับตัวและพัฒนาโมเดลธุรกิจของตนแล้ว การมีตัวช่วยที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งไทยก็ควรจะมีแพลตฟอร์มที่รวมเอาผู้ผลิตและแบรนด์มารวมไว้ที่เดียวกันแบบประเทศเพื่อนบ้านบ้าง เพื่อให้ผู้ค้าออนไลน์สามารถค้นหาสินค้าและสั่งสินค้ามาขายได้แบบไม่ยุ่งยากและอยู่ในราคาขายส่ง อย่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายส่ง “เหมา-เหมา” จาก SCB 10X แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายส่ง ที่ทำการเชื่อมต่อผู้ค้าขายออนไลน์เข้ากับผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์ไว้ด้วยกัน พร้อมช่วยทั้งผู้ผลิต แบรนด์ และร้านค้าขายส่งต่างๆในการระบายสต๊อกสินค้า รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ค้าออนไลน์นับล้าน และยังสามารถใช้แพลตฟอร์มได้ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม ซึ่งทางเหมา-เหมา มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยเฉพาะรายย่อยให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนของธุรกิจในยุคใหม่นี้ได้ และช่วยในการปรับตัวให้ทันกับการแข่งขันที่สูงมากได้ทัน โดยคุณมาโนช พฤฒิสถาพร ผู้ก่อตั้ง “เหมา-เหมา” จาก SCB 10X เล่าถึงแพลตฟอร์มนี้ว่า “เหมา-เหมา” เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการช่วยเหลือทั้งฝั่งผู้ผลิตไทยให้เข้าถึงและมีคนขายออนไลน์ที่ขายเก่งมากมาช่วยขายของเพื่อเพิ่มยอดขาย ขณะเดียวกันก็ช่วยให้คนขายออนไลน์ให้สามารถเข้าถึงผู้ผลิตและแบรนด์ต่างๆในราคาขายส่งได้อย่างง่าย ๆ ในแพลตฟอร์มเดียว ผ่านเว็บไซต์ www.mhao-mhao.com”
แนวโน้มอนาคตของ E-Commerce ไทย
สรุปโดยรวมแล้ว E-commerce เติบโตอย่างมากและรวดเร็วในปีนี้ ทั้งส่วนของการเติบโตของธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงของโมเดลธุรกิจที่จะต้องเน้นให้ลูกค้ามีความสะดวก ซึ่งทุกวันนี้การซื้อสินค้าออนไลน์ก็เป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมมากแล้วและในอนาคตก็มีโอกาสที่จะง่ายกว่านี้อีก ทั้งการเข้าแพลตฟอร์ม Social Media ที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถพบเห็นและหาข้อมูลสินค้าได้ง่าย ทั้งผ่านการรีวิวหรือการแนะนำจากคนใกล้ตัว ส่วนช่องทางการขายก็มีมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าอนาคตของ E-Commerce ในไทยนั้นน่าจะเติบโตและขยายตัวขึ้นมากอีกแน่นอน