‘Decentralized Identity’ กับอิสระและความเป็นเจ้าของในข้อมูลของผู้ใช้ที่มากขึ้น
อีกประเด็นที่น่าสนใจเมื่อเข้าสู่ยุค Web 3.0 คือเรื่องการยืนยันตัวตน (Identity) ที่ผู้ใช้คาดหวังถึงความมีอิสระและความเป็นเจ้าของในข้อมูลของตนเองมากขึ้น ซึ่งครั้งนี้ SCB 10X ได้นำส่วนหนึ่งกับการพูดคุยกันในเรื่องราวของ ‘Decentralized Identity’ โดย Wayne Chang (Co-Founder and CEO - Spruce Systems) และ Kasima Tharnpipitchai (Entrepreneur In Residence - SCB 10X) จากงาน “REDeFiNE TOMORROW 2022”
เป้าหมายและความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Spruce Systems
Spruce Systems กำลังพัฒนา “Sign-in With Ethereum” หรือการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Ethereum ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ใช้บัญชี Ethereum ของตนเพื่อเข้าถึงบริการบนเว็บแทนการใช้บัญชีของบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ
เริ่มจากมีเป้าหมายที่ต้องการแทนที่วิธีลงชื่อเข้าใช้แบบเก่าที่ต้องผ่านแพลตฟอร์มตัวกลาง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดของผู้ใช้ยังถูกควบคุมโดยแพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยผู้ใช้ควรได้รับความเป็นส่วนตัวและสามารถใช้ดุลยพินิจในการควบคุมข้อมูลของตนเองอย่างอิสระ นอกจากนี้ได้เห็นเห็นความน่าสนใจของระบบนิเวศ ‘Web 3.0’ และ Dapps ที่เกิดการนำมาใช้ในวงกว้างซึ่งเหมาะสมกับรูปแบบวิธีลงชื่อเข้าใช้ในแบบที่ Spruce Systems กำลังพยายามพัฒนาเช่นกัน
การเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานด้าน Identity ของ Wayne Chang กับแนวคิดที่ต้องการช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้งาน
จากประสบการณ์ทำงานกับเกี่ยวกับ Consensus ซึ่งต้องมีการประเมินผลเกี่ยวกับเครือข่าย Decentralzed มากมาย พบว่าต้องมีการนำตัวกลางออกไปและทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงทำให้ผู้ที่เข้าร่วมเครือข่ายได้รับผลตอบแทนโดยไม่ต้องมีตัวกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในทางกลับกันแนวคิดดังกล่าวก็อาจทำให้ผู้ใช้ไม่กล้าใช้บริการ เนื่องจากไม่ทราบประวัติของผู้ให้บริการ ดังนั้นจึงต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ที่เราจะทำธุรกิจด้วยเพื่อความมั่นใจที่มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ที่หากมีความน่าเชื่อถือน้อยค่าใช้จ่ายก็จะสูงและธุรกรรมทั้งหมดก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นหากสามารถนำขั้นตอนตรวจสอบและรองรับความถูกต้องของข้อมูลเพิ่มเข้าไปก็จะช่วยความน่าเชื่อถือให้กับบริการต่างๆ ที่ต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือ ส่วนในกรณีที่ต้องการนำธุรกิจต่างๆ มาสู่ Decentralized จะต้องมีการทำให้ข้อมูลมาสู่โลก Decentralized ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ความน่าเชื่อถือเพิ่มไปสู่อีกระดับเพื่อให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจมากขึ้น
ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบ Identity ในปัจจุบัน
เป้าหมายสำคัญของการใช้โมเดล Identity คือทำให้ผู้ใช้มีความอิสระในการตัดสินใจกับข้อมูลของตนมากขึ้น โดยก่อนหน้า Cryptocurrency จะคล้ายกับเป็นการมอบหมายข้อมูลของเราให้กับบริการต่างๆ เป็นผู้จัดการ แต่ในปัจจุบันมี Public Private Key หรือการเข้ารหัสที่ช่วยให้ผู้ใช้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจใช้ข้อมูลของตน อย่างเช่นการลงลายเซ็นใน Statements หรือมอบหมายให้ผู้อื่นเข้าถึงและเพิกถอนสิทธิ์ในข้อมูล ซึ่งเป็นจุดเด่นของแนวคิดที่ทำให้ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะการนำไปใช้ใน Crypto และ Web 3.0 ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีความพร้อมที่สุดสำหรับการเข้ารหัส Public Private Key เนื่องจากมีผู้กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการทดลองสิ่งใหม่ๆ และต้องการความเป็นเจ้าของในข้อมูลมากขึ้น
รวมถึงเห็นได้ว่าแนวคิด Self-Sovereign Identity หรือ Decentralized Identity และระบบนิเวศ Web 3.0 ค่อนข้างมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมากและสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
เกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจของ Self-Sovereign Identity
Self-Sovereign Identity เป็นแนวคิดที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณสิบปีก่อน มีการประชุมและรวมตัวครั้งสำคัญเกิดขึ้นกันมากมายเพื่อร่วมกันค้นคว้าหามาตรฐานที่ดีสำหรับ Identity Ecosystem และมีประเด็นที่น่าสนใจของ Christopher Allen (Blockchain Commons) ที่กล่าวถึงเกี่ยวกับกฎหมายและหลักการของ Self-Sovereign Identity ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่ง Wayne Chang แนะนำไปให้เรียนรู้เพิ่มเติม
เมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เราก็ต้องมีการนำข้อมูลประจำตัวของเรามาสู่โลกดิจิทัล อย่างเช่นข้อมูลหนังสือเดินทาง ใบขับขี่ หรือประวัติทางการเงิน และ Statements ธนาคาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเราจะทำอย่างไรให้ข้อมูลเหล่านี้ยังคงมีความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือเอาไว้ได้ในแบบเดียวกันกับแบบเดิมหรือเอกสารและเครื่องมืออื่นๆ?
ถึงแม้ว่าการมีตัวกลางอย่างบริษัทยักษ์ใหญ่จะสามารถเชื่อถือเรื่องความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง แต่หากวันหนึ่งบริษัทเหล่านี้เกิดต้องมีกลไกรักษาสมดุลและอาจต้องเพิกถอนผู้ใช้ก็เท่ากับสิทธิ์การใช้บริการก็หยุดลงได้ในทุกเมื่อ ยกตัวอย่างเช่นการใช้อีเมลเพื่อเข้าถึงบริการต่างๆ จึงนำมาซึ่งการใช้งาน Decntralized Identifiers ที่ได้รับการยอมรับจาก W3C (World Wide Web Consortium) ให้เป็นมาตรฐานสากลในปัจจุบัน
โดยสรุปได้ว่า Self-Sovereign Identity คือแนวคิดที่เราได้เป็นเจ้าของข้อมูลตัวตนอย่างสมบูรณ์ในโลกดิจิทัล มีอิสระทำอะไรก็ได้กับข้อมูลของตนเองและผู้อื่นต้องขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูลเสมอหากจะนำข้อมูลไปใช้
ความเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนตลาดที่ทำให้เกิดการนำมาใช้ในวงกว้างของ Decentralized Identity
Wayne Chang ให้ความเห็นส่วนหนึ่งว่า การนำมาใช้ในวงกว้างของ Decentralized Identity ขึ้นอยู่กับระบบนิเวศและเห็นการใช้งานเกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้ว่าทำให้กลุ่มของเทคโนโลยีต่างๆ ได้พบกับมาตรฐานใหม่และดีพอที่จะนำไปทดลองใช้งานจริง และพบการใช้งานเกิดขึ้นหลายกรณี แต่ที่ทาง Spruce ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือการใช้งานบน Web 3.0 ซึ่งมีกรณีการใช้งานจริงที่เกิดขึ้นมากมาย และคิดว่าการผสมผสานกันของข้อมูล Blockchain กับเอกสารรับรองที่ตรวจสอบได้ (Verifiable Credential) จะเป็นวิธีการที่ถูกต้องจากการวิเคราะห์ในหลายประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิด Web5 ที่ถูกพูดถึงในช่วงที่ผ่านมา
แนวคิด Web 5.0 ที่ได้ถูกประกาศออกมาและมุ่งเป้าไปที่การสร้าง Decentralized Web หรือเว็บกระจายอำนาจที่ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลและตัวตน (Identity) ได้สูงสุดไปอีกระดับ ในประเด็นนี้ Wayne Chang ได้ให้คำแนะนำให้ทดลองเข้าร่วมกลุ่มใน Decentralized Identity Foundation ซึ่งระบบนิเวศนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นและคิดว่าจะมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นให้ได้เห็นกันในอนาคตอันใกล้
อย่าพลาดข้อมูลสุด Exclusive !
รับชมย้อนหลังได้ทาง Youtube: https://youtu.be/pARtPe9Qvbo