เจาะลึกวิสัยทัศน์ของ “Fireblocks” ถึงอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลและ Crypto Custody
ประเด็นของ “Crypto Custody” กับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล ครั้งนี้ได้นำสรุปประเด็นสำคัญจากงาน REDeFiNE TOMORROW 2024 โดยมี Michael Shaulov, CEO & Co-founder ของ Fireblocks และ Chris Ahn, Partner ของ HaunVentures มาพูดคุยในหัวข้อ “Charting the course: Fireblocks’ Vision for the Future of Digital Assets and Crypto Custody” เพื่อแบ่งปันความรู้เชิงลึกด้านการลงทุนและเทคโนโลยี
“Fireblocks” แพลตฟอร์มระดับโลกที่ให้บริการด้าน Crypto Custody
- Michael Shaulov ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Fireblocks บริษัทที่ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Custody) รวมถึงการโอนสินทรัพย์และบริการที่เกี่ยวข้อง
- Shaulov เปิดเผยถึงจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ Fireblocks กว่า 1,800 ราย และมีการโอนเงินมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ทำให้แผนต่อไปของ Fireblocks คือการมุ่งเน้นที่จะขยายประสิทธิภาพและพื้นที่การให้บริการ เพื่อรองรับต่อความต้องการของลูกค้า เช่น เครื่องมือการชำระเงิน และ Tokenization Engines
ขยายความต้องการของนักลงทุนผ่านการชำระเงินด้วย Stablecoin
- Shaulov ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของการใช้แพลตฟอร์ม Fireblocks ในการโอนเหรียญ USDT และ USDC ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบ Stablecoin ไปยังพื้นที่ที่มีบริการรองรับการโอนอย่างจำกัด โดยมักเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศทวีปยุโรป แอฟริกา สหรัฐอเมริกา LATAM และ APAC
- Shaulov มองว่าการสร้าง Token กำลังมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากในปัจจุบันมี Stablecoin หมุนเวียนอยู่ประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์ จึงต้องการมอบบริการที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่อยากใช้งานผ่านเครื่องมือที่สร้างด้วย Token เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Funds) และตราสารหนี้ (Fixed income)
- การอนุมัติ Bitcoin ETF จากก.ล.ต.สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อการลงทุนใน Bitcoin และช่วยให้นักลงทุนที่คุ้นชินกับการลงทุนในตลาดรูปแบบเดิม สามารถเข้าถึงการลงทุนใน Bitcoin ง่ายมากขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดทางความรู้
กรณีศึกษาของบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก ที่มีต่อ Bitcoin ETF
- Shaulov เล่าต่อว่า บริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก BlackRock ลงทุนใน Bitcoin ETFs และมองเห็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล จึงจับมือร่วมกับ Securitize บริษัทด้านการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็น เพื่อเปิดตัวกองทุนรวมตลาดเงินตัวแรกที่มีชื่อว่า “BlackRock USD Institutional Digital Liquidity Fund” ภายหลังที่ Bitcoin ETFs ประสบความสำเร็จ
- Fireblocks มองเห็นการเติบโตในการใช้ Stablecoin สำหรับการชำระเงินข้ามประเทศ เนื่องจากตลอด 2 ปีที่่ผ่านมา มีผู้ให้บริการการโอนเงินที่ใช้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มของพวกเขา เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการ Cut-off ในตลาดคริปโตหลัก
- ปัจจัยหลักที่ทำให้การชำระเงินด้วย Stablecoin ได้รับความนิยม เกิดจากการที่มีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น ทำให้คู่ค้า (Traditional counterparties) มีความมั่นใจ อีกทั้งหน่วยงานกำกับดูแล (Prominent regulators) ได้อนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมนี้ ภายใต้ License ที่แตกต่างกัน จึงช่วยขับเคลื่อนเครือข่ายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ (Regulatory clarity) ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นอุปสรรคในการนำไปปรับใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสถาบันทางการเงิน จึงอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางธนาคาร ระหว่างผู้ออกเหรียญ Stablecoin (Stablecoin Issue) และ On-ramps/ Off-ramps
พัฒนา Web3 Fireblocks เพื่อขยายความต้องการในการชำระเงิน
- ปัจจุบัน Fireblocks ยังคงลงทุนร่วมกับผู้ให้บริการด้านการชำระเงินรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น การจัดการด้านโอนเงินข้ามพรมแดน (Cross-border transfer orchestration) การจัดการเงินสด (Treasury Managemen) และบริการเชิงพาณิชย์ เพื่อให้บริการผ่านเครื่องมือการชำระเงินของ Fireblocks
- สำหรับ Web3 Space ทาง Fireblocks รู้สึกตื่นเต้นถึงการใช้ NFTs และเศรษฐกิจโทเค็น (Token economies) เพื่อพัฒนาโครงการด้าน Innovative loyalty initiatives อีกทั้งได้ร่วมมือกับ Flipkart ในโครงการ Loyalty Program ที่เข้าถึงผู้ใช้งาน 3.2 ล้านคน และสร้างยอดขาย (GMV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ในการพัฒนาเทคโนโลยี Web3 นั้น อย่างเช่นพยายามในการพัฒนา Social Network รูปแบบใหม่ๆ คือกระตุ้นให้ผู้ใช้งานให้ความสำคัญต่อค่าลิขสิทธิ์ของ Content Creator รวมถึงการใช้ตั๋วสำหรับคอนเสิร์ต สายการบิน และอื่นๆ
- ผู้สร้าง Web3 กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากเทคโนโลยี สู่การพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ โดยมีการนำแนวคิด Web3 in the back, Web2 in the front มาปรับใช้ เพื่อให้ผู้ใช้งาน Web3 ได้รับประสบการณ์และประโยชน์ที่ดีที่สุด
สรุป
เมื่อมองแนวทางในอนาคต จะเห็นได้ว่า Shaulov ยังจับตามองว่าเทคโนโลยี Blockchain สามารถแก้ปัญหาด้านเครดิตส่วนตัว (Private Credit Space) รวมถึงสามารถมอบข้อเสนอใหม่ ๆ ที่ช่วยแบ่งแยกระหว่างสินทรัพย์ทางการเงิน และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน Web3 ได้อย่างไร? ถือเป็นเทรนด์ด้านการลงทุนในเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับอนาคต
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Fireblocks โปรดดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ Fireblocks
หรือรับชมคลิปวิดีโอบน Youtube : https://youtu.be/rR2dIDKts5U?si=yS2nucPCeJhcK5cw