นวัตกรรมใหม่ และ AI สู่ความเป็นไปได้ในการกู้คืนสินทรัพย์คริปโตที่สูญหาย

เมื่อการเติบโตของตลาดคริปโต ส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีความหลากหลายและมีความซับซ้อนมากขึ้น แม้ว่าเทคโนโลยีและนวัตรกรรมถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้น แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้มีแค่ด้านดี มีเหตุการณ์อย่าง การสูญเสียคริปโต รวมไปถึงการสูญเสียการเข้าถึงสินทรัพย์ของตนเอง จากการศึกษาพบว่า มีมูลค่าสินทรัพย์กว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ที่สูญเสียไป เนื่องจากการลืมพาสเวิร์ด ความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ และการเสียชีวิตของผู้ถือสินทรัพย์

จากการศึกษา พบว่า Bitcoin จำนวน 6 ใน 21 ล้านได้สูญหายไป ในขณะที่ The Block ก็ออกมานำเสนอว่า มี Bitcoin กว่า 29% ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเป็นเหรียญส่วนที่สูญเสียไป หรืออาจจะเป็นเพราะเหล่านักลงทุนระยะยาว (Long-term Investors) หรือบุคคลที่เก็บสินทรัพย์ไว้นิ่ง ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่ลืมพาสเวิร์ดสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังสำหรับใครที่ต้องการจะกู้คืนสินทรัพย์กลับมา

จากข้อมูลของ Yahoo! Finance พบว่า 20% ของ Bitcoin ทั้งหมดที่สูญเสียไปเพราะลืมพาสเวิร์ดสามารถกู้คืนกลับมาได้ ซึ่งจำนวนที่ว่านี้ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้วยวิธีการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สามารถแก้ปัญหาการลืมพาสเวิร์ด หรือการที่ไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ๆ ได้ โดยบริการกู้คืนสินทรัพย์นี้จะทำการผ่านวอลเล็ตของลูกค้าที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ และสามารถกู้คืนได้ทั้ง Bitcoin และ Ethereum

ในบทความนี้จะพาผู้อ่านไปทำความเข้าใจ และทำความรู้จักกับเทคโนโลยีอย่าง AI และฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจ ที่อาจจะเข้ามามีส่วนช่วยในการกู้คืนสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูญเสียไป พร้อมกับเจาะลึกถึงความกังวลในเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยในการทำงานของบริการและเทคโนโลยีเหล่านี้

อนาคต AI กับการกู้คืนสินทรัพย์คริปโต

เมื่อพูดถึงการกู้คืนสินทรัพย์ดิจิทัล ก็จะต้องอาศัยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่การลืมพาสเวิร์ด ไปจนถึงเรื่องความผิดพลาดของอุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็บ ทำให้นึกถึงเทคโนโลยีอย่าง AI ที่ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการเทรนขึ้นมาให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายในทุกอุตสาหกรรม

ในการเทรนโมเดล AI ให้สามารถนำมาใช้ในการกู้คืนสินทรัพย์นั้น ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลที่กว้างและละเอียดมาก เพื่อใช้ระบุแพทเทิร์นและทำนายความเป็นไปได้ของพาสเวิร์ดและการเข้ารหัส

อย่าง PASS-GPT โมเดล AI ของ OpenAI บน GPT-2 ที่สามารถคาดเดาและสร้างพาสเวิร์ดได้ดีกว่าคู่แข่งอย่าง โมเดล GAN อยู่กว่า 20% โดยการทำงานของ PASS-GPT จะใช้เทคนิค Progressive Sampling ในการสร้างพาสเวิร์ดที่ถอดรหัสยาก และยังสามารถประเมินความแข็งแรงของพาสเวิร์ดได้ นอกจากนี้ PASS-GPT ยังสามารถทำความเข้าใจได้ในหลายภาษา พร้อมกับอนุมานพาสเวิร์ดที่ไม่มีข้อมูลอยู่ใน Database ได้อีกด้วย

สำหรับโมเดล PASS-GPT นั้น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อออกแบบและสร้างพาสเวิร์ดให้มีความปลอดภัย และโมเดลนี้ยังนับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวที่จะพัฒนาให้ AI มีความสามารถในการกู้คืนสินทรัพย์คริปโตได้ต่อไปในอนาคต

การพัฒนาของ GPUs และ CPUs

อีกหนึ่งปัจจัยในการเทรน AI นั่นคือ GPU ซึ่งเป็นพื้นฐานและมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับ Generative AI ในปัจจุบันนี้

การพัฒนา GPUs หรือ Graphics Processing Units และ CPUs หรือ Central Processing Units ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น จะช่วยให้การกู้คืนสินทรัพย์คริปโตเกิดขึ้นได้จริง โดยจะใช้วิธีการเดียวกับการโจมตีทางไซเบอร์อย่าง Brute-force Attacks เป็นวิธีที่ใช้ในการคาดเดาและผสมผสานสร้างรหัสขึ้นมาจนกว่าจะเจอรหัสที่ถูกต้อง

GPUs ที่ถูกพัฒนาจะสามารถช่วยในการคำนวณ Cryptography หรือการเข้ารหัส และยังสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ CPUs จะไม่ทำงานในการประมวลผลได้ดีเท่า GPUs แต่ CPUs จะเหมาะกับอัลกอริทึมถอดรหัสที่ต้องอาศัยความจำจำนวนมากอย่าง SCRYPT ซึ่ง SCRYPT นั้นออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีทางฮาร์ดแวร์ ด้วยฟังก์ชัน Key Derivation Function ในการแปลงรหัสผ่าน

การพัฒนาของทั้ง GPUs และ CPUs ให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนี้ ทำให้เราเห็นความเป็นไปได้ว่า จะสามารถนำมาค้นหาทางออกในการกู้คืนสินทรัพย์คริปโตโดยที่ยังมีความปลอดภันในสินทรัพย์อยู่

การออกแบบอัลกอริทึมเพื่อการกู้คืนรหัส

การออกแบบอัลกอริทึมมีความสำคัญต่อการพัฒนาความสามารถในการถอดรหัสเป็นอย่างมาก และเหล่าบริการกู้คืนสินทรัพย์คริปโตก็พึ่งการพัฒนาอัลกอริทึมเหล่านี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

การพัฒนาอัลกอริทึมนอกจากจะใช้เพื่อการบริการกู้คืนสินทรัพย์แล้ว ยังต้องออกแบบให้สามารถรับมือกับการโจมตีอย่าง Side-channel Attacks ซึ่งเป็นเทคนิคในการโจมีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ อย่างเช่น Trezor และ Keepkey ผ่านการศึกษาและจำลองพารามิเตอร์ทางกายภาพ หรือจากการใช้งานของอุปกรณ์ อย่างเช่น จากการใช้งานไฟฟ้า จากการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าของอุปกรณ์ หรือจากข้อผิดพลาดในการเข้ารหัส PIN เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีโซลูชันในการป้องกันการโจมตีแบบ Side-channel Attacks มีเพียงการเพิ่มความปลอดภัยให้อุปกรณ์ผ่าน การสร้างรหัสที่มีความยาวมาก ๆ เป็นต้น

ถกประเด็นจริยธรรมและความปลอดภัย

ด้วยความก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุดของเทคโนโลยี ทำให้ประเด็นเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยในการนำเอานวัตกรรมมาใช้งานกลายเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกังวล เช่นเดียวกับความต้องการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถกู้คืนสินทรัพย์คริปโตกลับมาได้นั้น ภูมิคุ้มกันต่อสแกมก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ยกตัวอย่างเช่น การบริการกู้คืนสินทรัพย์คริปโตที่น่าเชื่อถือ จะต้องไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการก่อนการกู้คืนสินทรัพย์ และมีการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ไม่มีการขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อน เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว ผู้ใช้งานยังต้องระวังเว็บไซต์เลียนแบบ ที่คัดลอกเอาหน้าเว็บไซต์ของบริการกู้คืนสินทรัพย์มา เพื่อให้หลอกให้ผู้ใช้งานมาติดกับ ทางที่ดีควรต้องมีการศึกษารายละเอียดและความหน้าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนทุกครั้ง อาจจะผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางปลอดภัยของแพลตฟอร์มนั้น ๆ 

ประเด็นเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องสำคัญทั้งในการปกป้องสินทรัพย์และปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานในโลกคริปโต และนโยบายเหล่านี้ควรจะเป็นประเด็นหลักที่ผู้ให้บริการกู้คืนสินทรัพย์ และผู้ออกแบบพัฒนานวัตกรรมเพื่อกู้คืนสินทรัพย์นำมาปรับใช้กับบริการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบนิเวศน์คริปโตมากขึ้น

สรุป

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่าง AI การพัฒนาฮาร์ดแวร์ การออกแบบอัลกอริทึม และการเกิดขึ้นของเทคนิคอย่าง Side-channel Attacks ทำให้เรามองเห็นอนาคตของการสร้างเครื่องมือที่จะมาช่วยในการกู้คืนสินทรัพย์คริปโตที่สูญเสียไป ทั้งจากการลืมพาสเวิร์ด ความผิดพลาดของเครื่องมือจัดเก็บสินทรัพย์ 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นด้านจริยธรรมและความปลอดภัยที่ทั้งผู้ให้บริการกู้คืนสินทรัพย์ และผู้ใช้งานเองยังต้องคำนึงถึง และระมัดระวังสแกมและการโจมตีทางไซเบอร์