milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
trending
25 ธันวาคม 2566
ภาษาไทย

ถกประเด็น Metaverse กับ The Sandbox เมื่อโลกกำลังมองว่า Metaverse อาจจะไปไม่รอด?

Metaverse คำที่หลายคนได้ยินกันหนาหูเมื่อปี 2022 คำที่กลายเป็นกระแสหลักของโลกเทคโนโลยีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่แล้วกระแสกลับเงียบไป หรือ Metaverse กำลังจะหายไป? 

Redefine_Article2OCT_1200X800.jpg

หาคำตอบไปพร้อมกับ Sebastien Borget, COO & Co-founder ของ The Sandbox

และ Augie Ilag, Investment Partner & Head of Asia ของ CMT Digital จากงาน REDeFiNE TOMORROW 2023 ในหัวข้อ “Crossing the Chasm: The Road to Mass Adoption for Metaverse” บทสนทนาที่จะพาทุกคนไปรู้จัก The Sandbox ส่องประเด็นและโอกาสของโลก Metaverse 

 

จุดเริ่มต้นและเส้นทางของ The Sandbox

 

Borget เล่าว่า The Sandbox เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2011 จากการเป็นเกมบนสมาร์ทโฟน ที่ต้องการให้ผู้เล่นเข้ามาเป็น Creator ร่วมกันสร้างโลก 2D ขึ้นมา และแชร์ผลงานให้ผู้เล่นคนอื่น Borget มองว่า ในช่วงเวลานั้นสมาร์ทโฟนคือความล้ำหน้าและเป็นสิ่งที่ The Sandbox ต้องการทดลอง ซึ่งตอนนั้นมีคนติดตั้งเกมของ The Sandbox ไปกว่า 40 ล้านราย

 

แต่ในช่วงต่อมา กลับเกิดปัญหาคือ มี Creator หลายรายที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือหายไปจากแพลตฟอร์ม เหตุผลมาจาก Creator เหล่านี้ต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้น และต้องการการรับรู้จากผู้ชมในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม ซึ่งทาง The Sandbox ไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้ได้ เนื่องจากการดาวน์โหลดผ่าน Google Play และ Playstore ไม่ได้สร้างรายได้ที่เพียงพอ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางมาถึงยุคของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Blockchain และ NFTs ในปี 2017 ทาง The Sandbox ก็มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง ในรูปแบบของเกม NFTs (NFTs Game) รายแรกในตลาด ที่ได้นำ Content และ NFTs มาผสมผสาน เปิดพื้นที่ให้ Creator เข้ามา สร้างและเป็นเจ้าของ Digital Assets ที่ตัวเองออกแบบสร้างขึ้นมาได้ อีกทั้งยังสามารถหารายได้จาก Assets เหล่านั้นได้อีกด้วย ซึ่งรูปแบบของ The Sandbox ได้พัฒนาไปเป็นรูปแบบของเกม 3D Multiplayer เป็น Decentalized World ที่จำลองโลกอีกใบที่ทุกคนสามารถสร้าง Content และออกแบบประสบการณ์การเล่นที่เป็นแบบฉบับของตัวเองได้

 

นอกจาก The Sandbox จะเป็น Community ให้เหล่า Creator และผู้เล่นแล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์ม No-code ที่เปิดให้คนเข้ามาสร้างพัฒนาพื้นที่ของตัวเองเพื่อหารายได้ ซึ่งสามารถสร้างและเก็บรายได้ไว้บนแพลตฟอร์มได้มากถึง 95% จนทำให้ตอนนี้มีกลุ่มที่เรียกว่าเป็น Land owner อยู่บน The Sandbox กว่า 500 ราย

 

ปัจจุบันบน The Sandbox มีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านวอลเลต เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับแบรนด์ดัง ๆ ทั่วโลกกว่า 400 แบรนด์ ทั้งสื่อบันเทิง ดนตรี แฟชั่น กีฬา เป็นต้น และในอนาคตจะมีการเปิดตัวเครื่องมือ Self-Publishing ที่ทางเจ้าของที่ดินและ Creator จะสามารถ Publish ตัวเองได้ทันทีนั่นเอง

 

Metaverse คืออะไรในนิยามของ The Sandbox?

 

Borget ในฐานะของตัวแทนจาก The Sandbox เขากล่าวว่า “The Sandbox เป็นส่วนหนึ่งของ Metaverse” เขาอธิบายต่อว่า Metaverse จากที่เห็นกันมาคือ โลกหรือแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานผ่านอวตารหรือตัวละครในโลกนั้น ๆ ซึ่งเป็นตัวตนใหม่ Borget มองว่า บน Metaverse สำหรับเขาเป็นโลกที่สมจริง ที่สามารสร้างและใช้งาน Assets (อย่างเช่น เสื้อผ้า ที่ดิน บ้าน) ได้ทั้งบนแพลตฟอร์มเดียวกันและแบบข้ามแพลตฟอร์มอย่างไร้ขีดจำกัดและไม่ต้องขออนุญาตจากใคร 

 

Borget ยังมองว่า Metaverse แตกต่างจากโลกจริงและโลกบน Web2 โดยยกตัวอย่างว่า บน Web2 จะไม่สามารถใช้/ซื้อคอนเทนต์จากที่หนึ่งในอีกที่หนึ่งได้ หรือไม่สามารถนำคอนเทนต์ออกมานอกแพลตฟอร์ม หรือเอามาขายบน eBay ได้

 

นอกจากนี้ Metaverse คือ Decentralized World ที่มีความโปร่งใสและมีความน่าเชื่อถือ มีการออกแบบให้มีไอเดียทั้ง Proof of Authorship, Proof of Ownership, Proof of Digital Scarcity และยังสามารถเข้าดู History of Transaction ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ใช้งานในการแลกเปลี่ยน Assets นั้น ๆ ได้ (ซึ่งในปี 2022 มีการทำธุรกรรม NFTs ไปกว่า 4 หมื่นล้าน NFTs) 

 

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้บน Metaverse เกิด Digital Economy ที่สามารถสร้างงานและบริการได้จริง

 

Metaverse กำลังจะเงียบหายไป?

 

จากกระแสในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า Metaverse เริ่มที่จะมีผู้ที่สนใจน้อยลง หรือเริ่มหายไปจากการเป็นกระแสในสังคม ทางด้านของ Borget มองว่า “Metaverse ยังไกลจากคำว่า ตาย” สำหรับเขามองว่า เป็นช่วงที่กระแสเปลี่ยนไป มีความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลอยู่ตลอดเวลา แต่ในโลก Metaverse อย่างบน The Sandbox เอง ก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานใหม่ เข้ามาสร้างสรรค์

ประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าบางพื้นที่ยังไม่ได้เปิดตัวแบบเต็มที่ บางพื้นที่อยู่ระหว่างการทดสอบและพัฒนา แต่ผู้ใช้งานก็พร้อมที่จะเรียนรู้ ซึ่งบน The Sandbox ในปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งานแบบ Active อยู่กว่า 1 ล้านราย เข้ามาใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ทั้งเล่นเกม สนทนา เป็นต้น

 

ในส่วนของ Ecosystem ของ The Sandbox มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มี Creator มาเข้าร่วมมากขึ้นจากทั่วโลก ในทุก ๆ สัปดาห์จะมีแบรนด์หลักมาเป็นส่วนหนึ่งในแพลตฟอร์ม เพื่อใช้เป็นพื้นที่สร้าง New Media สร้างกลยุทธ์ทางการตลาดแบบใหม่ 

 

และประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่คึกคักสำหรับ The Sandbox โดยปัจจุบันมีทั้ง Creator สตูดิโอ และแบรนด์ต่าง ๆ มาเข้าร่วม อีกทั้งยังมีการสร้างโปรเจกต์ที่อิงจากวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทยเข้าไปสร้างสีสันในโลก Metaverse อีกด้วย

 

สุดท้ายแล้ว Borget มองว่า Metaverse ยังต้องใช้เวลาในการขยายและเติบโตไปสู่ผู้ใช้งานที่มากขึ้น

 

จะทำอย่างไรให้คนอยู่บน Metaverse นานขึ้น?

 

Borget มองว่า Metaverse คือ การรวมกันของ Product และ Content ดังนั้น เราจึงใช้ 2 สิ่งนี้ในการดึงดูดผู้ใช้

 

สำหรับ The Sandbox ประสบการณ์กว่า 11 ปีของเรา ทำให้เราได้เรียนรู้ และเห็นว่าเราจะต้องมีการออกแบบเครื่องมือ (Tools) ขึ้นมา (ตามคำแนะนำและความต้องการของเหล่า Creator) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ Creator สามารถนำไปสร้างสรรค์ผลงานและประสบการณ์
ใหม่ ๆ ได้

 

จากความสำเร็จล่าสุดที่เราภูมิใจ คือ การดึงแบรนด์ดัง ๆ จากทั่วโลกกว่า 400 แบรนด์ มาร่วมสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานในภูมิภาคของตัวเอง และรวมไปถึงดึงดูดผู้ใช้งานจากทั่วโลกเข้ามาเรียนรู้และสร้างประสบการณ์จากสิ่งที่แบรนด์นั้น ๆ มี

 

นอกจากนี้ Borget กล่าวว่า เครื่องมือที่เราสร้างขึ้นมาจะช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้เล่นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การออกแบบพื้นที่ให้ผู้เล่นไปสำรวจและเก็บสะสมแต้ม เพื่อนำมาแลกกับรางวัลหรือ Assets และรางวัลเหล่านี้ถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่ดีในการดึงดูดผู้ใช้งานให้เพิ่มขึ้น

 

Borget ยังมองว่า สิ่งที่จะเข้ามาเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Metaverse คือเมื่อใดก็ตามที่ User-Generated Content (UGC) กลายมาเป็นส่วนประกอบที่ใหญ่มาก ๆ ในการขับเคลื่อน Metaverse เมื่อนั้นจะกลายเป็น Big shift ของโลกนี้

 

แผนการออกโปรดักส์ของ The Sandbox

 

“The Sandbox คือพื้นที่ที่รับฟัง Creator และ Community เป็นลำดับแรก” Borget กล่าว พร้อมกับอธิบายต่อว่า The Sandbox จะรับฟังข้อเสนอแนะและนำมาปรับปรุงหรือสร้างเครื่องมือตามที่เหล่าผู้ใช้งานและ Creator ต้องการ อย่างเช่นการเพิ่มฟังก์ชัน VFX, Audio Streaming รวมถึงการพัฒนาไปเป็น Mutiplayer Gameplay และเรากำลังอยู่ในช่วงการพัฒนากฎเกณฑ์ (Rules) ใหม่ของเกมให้มีความซับซ้อนมากขึ้นอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ยังมีโปรเจกต์ที่กำลังทำร่วมกับแบรนด์ท้องถิ่นต่าง ๆ ใน 12 ประเทศทั่วโลก ในการสร้างการตระหนักรู้ไปสู่ระดับโลก นำเอาวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่าง ๆ ออกไปสู่สายตาชาวโลก อย่างเช่น Ramadan Festival และ Songkran Festival ของไทยที่จัดบน The sandbox เป็นต้น ซึ่ง Borget มองว่าโปรเจกต์นี้จะช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนเรื่องของความหลากหลายของคอนเทนต์

 

Borget ได้เล่าต่ออีกว่า The Sandbox กำลังทดสอบเรื่องของ Generative AI ที่จะนำมาเป็นเครื่องมือช่วยให้ Creator สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เร็วขึ้น ช่วยขับเคลื่อนให้ไอเดียออกมาเป็นรูปเป็นร่างเร็วขึ้นใน 1 คลิก และเครื่องมือตัวนี้จะช่วยดึง Creator ให้เข้ามาในแพลตฟอร์มมากขึ้นอีกด้วย

 

มุมมองต่อ AR และ VR

 

Borget เล่าว่า ก่อนหน้านี้เขามองว่า AR และ VR ไม่ได้เป็นตัวสร้างความพึงพอใจสูงสุดในรูปแบบของประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานของ The Sandbox ซึ่ง AR และ VR ยังมีข้อจำกัดทั้งในด้านของการใช้งาน ผู้ใช้งานยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีชนิดนี้ได้ทุกคน รวมไปถึง The Sandbox เองก็ยังไม่สามารถเปิดให้ใช้งานกับ AR และ VR ได้

 

แต่ตอนนี้เราพบว่า มีหลายอย่างบน The Sandbox ที่สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีนี้ได้ Borget มองว่าสิ่งนี้จะเป็นแนวทางใหม่ในการเข้าถึงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ใช้กับ NFTs โดยเฉพาะกับโปรดักส์ใหม่ของ Apple ที่คาดว่าจะเปิดจำหน่วยเร็ว ๆ นี้ อย่าง Vision Pro ที่เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนให้โลก VR และโลกจริงเกิดขึ้นพร้อมกันได้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ในรูปแบบที่ไม่เหมือนเดิม และยังไม่ตัดขาดจากโลกภายนอกขณะใช้งาน ซึ่งแตกต่างจาก VR อื่น ๆ

 

ฝากอะไรถึง Founders และ Investors

 

ก่อนจบการสนทนา Borget ได้เล่าถึงตัวอย่างโปรเจกต์ที่น่าสนใจ เพื่อเป็นแนวทางให้เหล่า Founder ที่สนใจในด้านนี้ และเพื่อตอกย้ำกับนักลงทุนถึงประโยชน์และข้อได้เปรียบของการเป็นแพลตฟอร์มอย่าง The Sandbox 

 

Borget กล่าวว่า The Sandbox เป็นพื้นที่ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง NFTs หรือ Digital Assets ที่มาจากแบรนด์ดังที่เราชื่นชอบ (เช่น The Smurfs, Rabbits, The Walking Dead) โดยสามารถนำมาเก็บไว้หรือวางไว้ในที่ดินของตัวเองได้ สามารถสร้างเรื่องราวใหม่ให้กับ Assets เหล่านี้ได้ อีกทั้งยังสามารถชวนเพื่อนหรือใครก็ตามในโลกเข้ามาร่วมสนุกด้วยกันได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ที่อื่น

 

ขณะเดียวกันแบรนด์เองก็สามารถสร้างการรับรู้แบบใหม่ ๆ เพื่อเพิ่ม Engagement และเพิ่มฐานลูกค้าให้กับแบรนด์ได้ ตัวอย่างเช่น Warner Music ที่มีการสร้าง Theme Park ขึ้นมาและเมื่อมีผู้ใช้เข้าไปก็จะได้ยินซิงเกิลใหม่ ๆ ของทางค่าย หรือธีมก็จะเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่าง ๆ ทั้งวาเลนไทน์ ฮาโลวีน เป็นต้น

 

นอกจากนี้แล้ว The Sandbox ยังเป็นสื่อกลางให้กับองค์กร หน่วยงาน หรือบุคคลต่าง ๆ ที่ต้องการจะเข้ามาสร้าง Awareness ให้กับสังคม ตัวอย่างเช่น Amnesty International ที่เข้ามาเปิดพื้นที่เพื่อสนันสนุนการทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย และในพื้นที่บน The Sandbox ยังเปิดให้มีการออกแบบ Protest Avatar ขึ้นมาเพื่อสร้าง Social Impact ในโลก Metaverse อีกด้วย

 

รับชมทั้งหมดได้ที่ YouTube: Crossing the Chasm: The Road to Mass Adoption for Metaverse

 

บทความนี้สรุปจาก Virtual conference ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2023

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Accept