จุดเด่นและความแตกต่างของ DeFi และ CeFi ในมุมมองของ Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้งเว็บเทรดอนุพันธ์คริปโตเคอเรนซีชั้นนำของโลก

ท่านที่สนใจศึกษาเรื่องบล็อกเชน (Blockchain) ย่อมต้องอาศัยความเข้าใจและเรียนรู้ในเรื่องของ ระบบการเงินที่มีตัวกลาง (Centralized Finance: CeFi) และระบบการเงินไร้ตัวกลาง (Decentralized Finance: DeFi) ซึ่งวันนี้เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนของระบบการเงินทั้ง 2 รูปแบบ SCB 10X จึงได้นำมุมมองของ CeFi และ DeFi มาถ่ายทอดผ่านประสบการณ์และมุมของผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการคริปโตอย่าง Sam Bankman-Fried ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Serum และผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ FTX รวมถึงเป็นผู้ร่วมก่อตั้งของ Alameda Research 

รู้จัก Sam Bankman-Fried 

ก่อนที่ Sam จะเข้ามาในวงการ Crypto ได้ทำงานเป็นเทรดเดอร์ (Trader) ให้กับบริษัท Jane Street Capital จากนั้นได้เข้าสู่วงการ Crypto ในปี 2017 ด้วยการเริ่มต้นเปิดบริษัท Alameda Research เป็นบริษัทที่นำความเชี่ยวชาญจาก Wall Street และ Silicon Valley เพื่อจัดหาสภาพคล่องในตลาดคริปโตทั่วโลก โดยเหตุผลที่จัดตั้งเนื่องจากในตลาดนี้มีปัญหาการขาดสภาพคล่องและพบว่ามีโอกาสในการเทรดแบบอาร์บิทราจ (Arbitrage) หรือการเทรดสินทรัพย์ระหว่างตลาดหนึ่งไปยังอีกตลาดหนึ่งอยู่มาก

จากนั้นได้เปิดตัวเว็บเทรดอนุพันธ์คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency Derivatives Exchange) FTX ขึ้น โดยสาเหตุที่ก่อตั้งเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ของเว็บเทรดอนุพันธ์คริปโตที่เขาได้พบและเกิดขึ้นในตอนนั้น หลังจากนั้นเขายังได้ไปช่วยนำทีมในโปรเจกต์

 Serum ซึ่งเป็น Decentralized Exchange (DEX) และ Decentralized Ecosystem ที่สร้างขึ้นบนโซลาน่า (Solana) บล็อกเชน และยังมีโปรเจกต์อื่นๆ ที่อยู่ใน Ecosystem ของ Serum ที่เขาได้เข้าไปช่วยให้คำปรึกษาและลงทุนอีกด้วย

ความแตกต่างของโปรเจกต์ FTX และ Serum  

Sam ได้เล่าว่า ทั้ง 2 โ​ปรเจกต์นี้มีมุมมองที่แตกต่างกันมากในบางประเด็น โดย FTX มีทัศนะระยะยาวในการก้าวไปเป็นเว็บเทรดหรือ Exchange ชั้นนำระดับโลก ซึ่งในปีที่ผ่านมา FTX ก็เป็นหนึ่งใน Crypto Exchange ที่มีขนาดใหญ่และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดย Sam ได้เสริมว่าแม้ตัวภาพผลิตภัณฑ์จะเป็นลักษณะของ Decentralize แต่ในด้านของการเป็น Exchange ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีความเป็น Centralize อยู่

ในขณะที่ Serum เป็น Decentralized Exchange (DEX) ที่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการเลยก็ว่าได้ เนื่องจากความเร็วและราคาที่ถูกกว่า Decentralized Exchange อื่นๆ ในตลาด พร้อมด้วยปริมาณการใช้งาน (Throughput) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เขายังเล่าว่าเป็นโปรเจกต์

ที่สามารถทำงานได้คล้ายกับ Centralized Exchange ในแง่ของประสิทธิภาพซึ่งเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ โดยมุมมองต่อ Serum ที่ Sam รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด คือการที่มี Ecosystem ขนาดใหญ่ที่มีจำนวนของผู้ใช้และสินทรัพย์มหาศาลหมุนเวียนอยู่ รวมถึงทุกผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใน Ecosystem มีการเชื่อมต่อและพึ่งพาซึ่งกันและกัน และแต่ละผลิตภัณฑ์สามารถสร้างต่อกันและเติบโตจากกันและกันได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดเด่นของ Decentralize ที่มีความแตกต่างกับรูปแบบของ Centralize เป็นอย่างมาก​ โดยที่ Centralize จะมีจุดเด่นในการเป็นศูนย์กลางหรือแกนหลักในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์  

อนาคตของ CeFi และ DeFi จะเป็นอย่างไร

ในประเด็นนี้สามารถสรุปได้ว่า หากมองในอนาคตอันใกล้ในไม่กี่ปีของหน้า Centralized Exchange ยกตัวอย่างเช่นเว็บเทรดอนุพันธ์คริปโต FTX จะมีปริมาณการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนหากมองในระยะยาวด้วยความเป็น Decentralize ที่มี Ecosystem กว้างขึ้นเรื่อยๆ ของ Dapps และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับ Decentralized Exchange อย่าง Serum อย่างไรก็ตาม Sam ได้เสริมว่าไม่ได้มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะไม่มีใครถึงทราบอนาคตที่แน่ชัด แต่ได้ทิ้งท้ายว่ากา