milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
Technology
09 มกราคม 2568
ภาษาไทย

เทรนด์ Crypto ที่น่าติดตามในปี 2025

ปี 2025 เป็นปีที่วงการ Crypto น่าจับตามองอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเทคโนโลยี Blockchain และสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังถูกพัฒนานำไปใช้ในวงกว้างและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย และจากแนวโน้มปัจจุบันและการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจากปีที่ผ่านมา สามารถคาดการณ์เทรนด์ Crypto ที่น่าสนใจในปี 2025 มาสรุปไว้ในบทความนี้


Article2NOVTh_1200X800.jpg


ข้อมูลล่าสุดพบว่า Crypto กำลังถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น


การยอมรับ Crypto นำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้นต่อเนื่อง จากผลสำรวจของชาวอเมริกัน 2,537 คนในปี 2024 โดยทีมของ Kraken ที่เผยแพร่เมื่อ 12/12/2024 พบว่า:

  • 55% เชื่อว่า Crypto มีประโยชน์ในโลกจริง เช่น การเข้าถึงบริการการเงินและการค้าแบบไร้ตัวกลาง

  • 52% มองว่า Crypto เป็นการลงทุนระยะยาว แม้ว่าจะมี 29% ที่ยังไม่มั่นใจในศักยภาพก็ตาม

  • ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องที่ยังมีอยู่ เช่น
    • 60% คิดว่า Crypto เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ว่าข้อมูลจริงจะระบุว่าเพียง 0.34% ของธุรกรรม Crypto ในปี 2024 เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม
    • มีเพียง 8% ที่เชื่อว่า Crypto เป็นแชร์ลูกโซ่ แต่ 29% ยังมีข้อสงสัยอยู่


มุมมองแบ่งตามช่วงอายุ

  • กลุ่มอายุ 45-60 ปี (Gen X) มอง Crypto ว่ามีประโยชน์ในชีวิตจริงสูงสุดถึง 63%

  • กลุ่มอายุ 30-44 ปี มองว่า Crypto มีประโยชน์ 55%

  • กลุ่มอายุ 18-29 ปี และ 60 ปีขึ้นไป ยังลังเลมากที่สุด

เหตุผลที่ Gen X มั่นใจใน Crypto เนื่องจากมีประสบการณ์จากวิกฤตการเงิน เช่น วิกฤตปี 2008 และ COVID-19 พร้อมทั้งมีความเข้าใจระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) เทคโนโลยี Blockchain รวมถึงมีความคุ้นเคยกับทั้งระบบการเงินดั้งเดิมและเทคโนโลยีใหม่ๆ


สำหรับข้อเท็จจริงที่ช่วยลดความเข้าใจผิด ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถทำได้โดยการให้ความรู้ด้าน Crypto ซึ่งช่วยเปลี่ยนมุมมองเชิงลบ เนื่องจาก 53% เชื่อว่ามุมมองเชิงลบเกี่ยวกับ Crypto มาจากการขาดความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม พบว่ากว่า 73% ของผู้ถือ Crypto ในปัจจุบันมีแผนจะลงทุนต่อไปในปี 2025 (ข้อมูลจาก Kraken)



การเติบโตของ Bitcoin 


Bitcoin เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการยอมรับจากสถาบันการเงินและความเชื่อมั่นในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ ไปจนถึงการปรับตัวของกฎระเบียบ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ และการสนับสนุนจากรัฐบาล


สำหรับ Ethereum คาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยมาจากการพัฒนา Ethereum 2.0 และการเติบโตของ DeFi ที่ดึงดูดความสนใจในวงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการใช้งานที่เพิ่มขึ้น



DeFi บน Bitcoin ที่ขับเคลื่อนด้วย Layer 2 มีแนวโน้มการเติบโตที่สำคัญ


Bitcoin กำลังขยายบทบาทไปสู่การสนับสนุนระบบ DeFi ผ่าน Layer 2 เช่น Stacks, BOB, Babylon และ CoreDAO ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายตัวและรองรับโปรแกรมบน Blockcahin ที่มีความปลอดภัยสูง 


ในปี 2024 Stacks มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญด้วยการเปิดตัว Nakamoto Upgrade และ sBTC ที่ช่วยเพิ่มความเร็วบล็อกและรองรับ DeFi อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพา Bitcoin แบบ Wrapped บนเครือข่ายอื่น


คาดว่าในปี 2025 ระบบ DeFi บน Bitcoin มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และเสริมสร้างความสำคัญของ Bitcoin ในฐานะหัวใจสำคัญของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์



การพัฒนาของ ‘DeFi’ ในมุมมองด้านเทคโนโลยี 


DeFi ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน โดยมีการพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการให้บริการทางการเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง โดยมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของ DeFi จะเพิ่มขึ้นถึง 700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 เท่าจากปัจจุบัน (คาดการณ์จาก Milk Road Pro) สะท้อนถึงการได้การยอมรับและการนำไปใช้เป็นวงกว้าง นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์อื่นๆ ที่น่าสนใจของ DeFi เช่น 

  • หนึ่งในการพัฒนาที่น่าจับตามองในปี 2025 คือการเพิ่มขึ้นของ “Liquid Staking/ReStaking" นวัตกรรมที่ช่วยให้สินทรัพย์มีสภาพคล่องและสามารถนำไปใช้งานใน DeFi โดยคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 4 เท่า ภายใน 18 เดือน ซึ่งมูลค่าตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.78 พันล้านดอลลาร์เป็น 131 พันล้านดอลลาร์

  • ความนิยมของ Stablecoin เช่น USDT และ USDC หรืออื่นๆ ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมการเติบโตของ DeFi
  • DeFi มีศักยภาพการเติบโตสูง แม้จะมีราคาต่ำในปัจจุบัน

  • แพลตฟอร์ม DeFi พัฒนาให้ใช้งานง่ายขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งานได้มากขึ้น อย่างเช่น แพลตฟอร์ม Aave และ Compound

  • รายได้ของ DeFi คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่มูลค่าตลาดยังคงต่ำกว่าดัชนีเทคโนโลยี Nasdaq (เปรียบเทียบมูลค่าตลาดของ DeFi กับ Nasdaq แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของ DeFi ในระยะยาว)

  • DeFi ได้พัฒนาอย่างแข็งแกร่งมาก มีโครงการจำนวนมากสร้างรายได้อย่างยั่งยืนและมีฐานผู้ใช้ที่เติบโต

  • Adam Garetson, Partner ของ Gowling WLG ให้ความเห็นว่าในปี 2025 จะเห็นการผลักดันกฎระเบียบใน DeFi เพื่อสร้างความชัดเจนในอุตสาหกรรมมากขึ้น

DeFi เป็นหนึ่งในภาคส่วนแรกๆ ที่ถูกสร้างขึ้นบน Blockchain และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมากในอนาคต โดย DeFi ที่มีเป้าหมายที่จะนำระบบการเงินสู่ Blockchain แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ราคาตกต่ำ แต่ DeFi ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีโครงการที่มีศักยภาพสูงมากมาย

 

 

แนวโน้มและพฤติกรรมผู้ใช้งาน Web3 แบบ Onchain ปี 2024

 

จากรายงานผู้ใช้งาน Onchain ปี 2024 โดย ‘Flipside Crypto’ พบว่าปี 2024 เป็นปีที่น่าจับตามองสำหรับการเติบโตของผู้ใช้งาน โดยมีทั้งจำนวนผู้ใช้งานใหม่และ “Super Users” หรือผู้ใช้งานที่มีปฏิสัมพันธ์กับ Blockchain อย่างสม่ำเสมอและทำธุรกรรมจำนวนมากเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์บน Blockchain ชั้นนำ เช่น ‘Base’ ที่สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่ ‘Ethereum’ กับ Layer 2 ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปได้ดี อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่เกิดขึ้นไม่ได้มีคุณภาพที่เท่าเทียมกันในทุกกรณี ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการประเมินคุณภาพของกิจกรรมบน Blockchain เพิ่มเติมจากการวัดแค่ปริมาณธุรกรรม นอกจากนี้ยังมีข้อมูลด้านอื่นๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

 


  1. การเติบโตของผู้ใช้งาน

  • การเติบโตของผู้ใช้งานใหม่: พบว่าเดือนตุลาคม ปี 2024 มีผู้ใช้งานใหม่สูงสุดที่ 19.4 ล้านคน โดยเป็นผู้ใช้งานของ ‘Base’ ถึง 13.7 ล้านคน หรือเกือบ 8 เท่าของอันดับสองอย่าง ‘Polygon’
  • พฤติกรรมของผู้ใช้งานเดิม: ‘Bitcoin’ แม้จะมีราคาพุ่งแตะ 100,000 ดอลลาร์ แต่การดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ยังคงต่ำ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงกิจกรรมการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้งานเดิม
  • การเติบโตของผู้ใช้งาน Ethereum สูงกว่า L2 ชั้นนำ (Arbitrum และ Optimism) ตลอดทั้งปี

  2. Super Users

  • ‘Base’ ผู้นำใน DeFi มี Super Users ที่ทำธุรกรรมมากกว่า 100 ครั้งเป็นจำนวน 15.1 ล้านคน มากกว่า Ethereum ที่มี 10.7 ล้านคนถึง 38.4%

  • ‘Polygon’ ที่เด่นในกิจกรรมนอก DeFi มีจำนวนธุรกรรมจาก Super Users สูงถึง 867.7 ล้านรายการในปี 2024

  • Ethereum ยังคงรักษาฐาน Super Users บน DeFi ที่ใหญ่กว่า Arbitrum และ Optimism รวมกัน

  3. การใช้งาน DEX

  • ‘Uniswap’ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สามารถครองส่วนแบ่งตลาด DEX สูงถึง 91.3% บน Base และเพิ่มขึ้น 27.72% บน Ethereum

  • ‘Trader Joe’ แพลตฟอร์ม DEX ยอดนิยมบน Avalanche สร้างผลงานน่าประทับใจ โดยยังคงเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 61.1% ซึ่งเติบโตจากปี 2023

4. คุณภาพผู้ใช้งาน 

  • แม้จำนวนผู้ใช้งานและธุรกรรมจะเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพผู้ใช้งาน (ระดับ Engagement, ความเข้าใจ และการนำไปใช้) งานกลับลดลง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในระดับพื้นฐานและยังไม่ได้มีส่วนร่วมเชิงลึกในระบบนิเวศ Web3

  • คะแนนคุณภาพผู้ใช้งานที่ต่ำของ Base สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่จำกัดของฐานผู้ใช้งานใหม่นอกเหนือจากภาคส่วนเฉพาะ (เช่น การซื้อขายเหรียญ Meme)

  • คุณภาพผู้ใช้งานของ Ethereum ลดลงก่อนมีการเปิดตัว ETF ของ ETH ที่ได้รับการอนุมัติจาก SEC ซึ่งบ่งชี้ว่าการลงทุนจากสถาบันการเงินไม่ได้รับประกันกิจกรรมที่ลึกขึ้น

  • ฐานผู้ใช้งานเริ่มต้นของ Blast แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่กว้างและลึกซึ้ง แต่การเติบโตของผู้ใช้งานกลับลดลงในไตรมาสที่ 4 ปี 2024


แนวโน้มผู้ใช้งาน Onchain ในปี 2025

  • เปลี่ยนแปลงคุณภาพผู้ใช้งาน โครงการ Blockchain ที่มีอยู่และรายใหม่จำเป็นต้องเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืน ด้วยการให้ผู้ใช้ได้มีส่วนร่วมกับโปรเจกต์ผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น การกำกับดูแลและ Staking 

  • มีนวัตกรรมที่ดึงดูดผู้ใช้งาน โครงการ Blockchain ที่มีอยู่และรายใหม่จำเป็นต้องสร้างความแตกต่างด้วยกรณีการใช้งานที่เป็นนวัตกรรม เช่น Memecoin และ AI บน Blockchain 

  • การแข่งขันในตลาด DEX แม้ว่า Uniswap ยังคงครองตลาด แต่การพัฒนาฟีเจอร์เฉพาะตัว เช่น Auto-Pools ของ Trader Joe บน Avalanche ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเทรดเดอร์ อาจสร้างพื้นที่ส่วนใหม่ในตลาดนี้ได้ นั่นหมายความว่าฟังก์ชันการทำงานเฉพาะที่เหนือกว่า DeFi พื้นฐานมีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจ


การกลับมาของทรัมป์มีผลต่อตลาด Crypto ปี 2025 มาพร้อมกับการพัฒนากฎระเบียบและการยอมรับจากสถาบันการเงิน

 

Article2_685X511.jpg

  • ตลาด Crypto เข้าสู่ปี 2025 ด้วยแรงผลักดันจากการเติบโตของตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความหวังของนักลงทุน หลังจากการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน Crypto ที่โดดเด่นได้ชนะการเลือกตั้งและกำลังจะกลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง โดยทรัมป์มุ่งมั่นที่จะให้สหรัฐฯ เป็น “ศูนย์กลาง Crypto ของโลก” และได้แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่สนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคาดว่าจะช่วยผลักดันมูลค่ารวมของตลาด Crypto ให้แตะระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาไม่ถึง 16 ปี

  • การเข้ามาของรัฐบาลทรัมป์ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดย Dean Skurka, CEO ของ WonderFi ให้ความเห็นว่า ความไม่แน่นอนที่เคยฉุดรั้งนักลงทุนจาก Crypto จะลดลง รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และแคนาดาในปี 2024 ก็ส่งผลเชิงบวก ช่วยทำให้นักลงทุนมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น

  • หลายประเทศเริ่มมีกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน นักลงทุนและผู้ประกอบการ จึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงในตลาด Crypto รวมถึงการเปลี่ยนประธาน SEC เป็น “Paul Atkins” ซึ่งสนับสนุน Crypto มีแนวโน้มสามารถยุติข้อขัดแย้งระหว่าง SEC และ CFTC (Commodity Futures Trading Commission) ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนและเอื้อต่อการเติบโต

  • อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตา คือการที่วุฒิสมาชิกอย่าง Cynthia Lummis ต้องการให้ชาวอเมริกันมอง Crypto เป็นการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุและเป็นการออมระยะยาว และได้ทำข้อเสนอว่าด้วยการจัดตั้ง “ทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ” เพื่อเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยผลักดันราคา Bitcoin และเพิ่มบทบาทของมันในฐานะสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเทียบเท่าทองคำในอนาคต และ James Lavish, Managing Partner ของ Bitcoin Opportunity Fund ได้ให้ความเห็นประเด็นนี้ว่า การใช้ Bitcoin เป็นทุนสำรองของประเทศอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ ดำเนินรอยตาม

  • นอกจากนี้ มีแนวโน้มที่ชาติสมาชิก G7 หรือ BRICS อาจเป็นรายแรกที่ประกาศจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve (SBR) จากข้อเสนอของรัฐบาลทรัมป์ในการรวม Bitcoin เข้าสู่คลังสำรองของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงและคาดการณ์ในวงกว้าง แม้การดำเนินการดังกล่าวจะต้องอาศัยแรงสนับสนุนทางการเมืองและการอนุมัติจากสภาคองเกรส แต่เพียงการกล่าวถึงแนวคิดนี้ก็มีผลกระทบสำคัญ รวมถึงแนวคิดนี้อาจกระตุ้นให้ชาติอื่นๆ เร่งดำเนินการล่วงหน้าเพื่อความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ ด้วยความสำคัญของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรองดิจิทัลและปริมาณที่จำกัด ดังนั้น การประกาศ SBR โดยชาติชั้นนำอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระบบการเงินระหว่างประเทศ และอาจกำหนดโครงสร้างเศรษฐกิจและอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุคใหม่

 

Stablecoin เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025

 

ในปี 2024 Stablecoin มีมูลค่าหมุนเวียนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมี Tether และ Circle เป็นผู้นำตลาด สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ใช้เครือข่าย เช่น Ethereum, Solana และ Tron เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่ราบรื่นไร้พรมแดน

 

โดยคาดการณ์ในปี 2025 มูลค่าหมุนเวียนของ Stablecoin อาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือเกิน 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูลจาก Forbes) เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีการออกกฎหมายเฉพาะสำหรับ Stablecoin ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบและส่งเสริมนวัตกรรมภายในภาคส่วนนี้ และหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เริ่มมองเห็นถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ Stablecoin ต่อการเสริมสร้างความเป็นผู้นำของดอลลาร์สหรัฐฯ ในระดับโลก 

 

 

Bitcoin ETF ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมการเปิดตัว ETF ด้าน Crypto ใหม่ๆ

 

การเปิดตัว Bitcoin ETF ในปีที่ผ่านมานับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของทุกกองทุนทุกประเภทที่อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (Asset under management: AUM) มากกว่า 108 พันล้านดอลลาร์ในปีแรก สะท้อนถึงความต้องการจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันที่สูง บริษัทชั้นนำอย่าง BlackRock, Fidelity และ Ark Invest มีบทบาทสำคัญในการนำ Bitcoin เข้าสู่ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมอย่างเป็นทางการ 

 

ความสำเร็จนี้นำไปสู่การเปิดตัว ETF สำหรับ Ethereum ซึ่งเป็น Crypto ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับสอง โดยในปี 2025 คาดว่า ETF ของ Ethereum จะเพิ่มฟีเจอร์ที่รองรับการรับผลตอบแทนจากการ Staking ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนมากยิ่งขึ้น และต่อจากนี้มีแนวโน้มที่ ETF จะครอบคลุมโปรโตคอล Crypto อื่นๆ เช่น Solana ที่โดดเด่นในเรื่อง Blockchain ที่มีประสิทธิภาพสูง และระบบ DeFi ที่เติบโตเร็ว รวมถึงการใช้งานในเกม NFTs และ Memecoin

 

นอกจากนี้ เราอาจได้เห็นการเปิดตัว “Crypto Index ETF” ที่เน้นการกระจายความเสี่ยง โดยรวมสินทรัพย์ชั้นนำอย่าง Bitcoin, Ethereum และ Solana พร้อมกับโปรโตคอลใหม่ๆ เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สมดุลและสะท้อนการเติบโตของระบบนิเวศ Crypto ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้จะช่วยให้ Crypto เข้าถึงง่าย มีประสิทธิภาพ และน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม

 

ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาด NFT ล่มสลายในปี 2025 หรือไม่?

 

NFTs จะยังคงเป็นที่นิยมในวงการศิลปะ ดนตรี และสื่อต่างๆ โดยมีการนำมาใช้ในรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างมูลค่าและประสบการณ์ที่แตกต่าง โดยแนวโน้มการเติบโตของตลาด NFT ในปี 2025 มีการคาดการณ์ที่หลากหลาย เช่น:

  • การลดลงของรายได้ - ข้อมูลจาก CryptoPresales.com ระบุว่า ตลาด NFT กำลังเผชิญกับการลดลงของรายได้และจำนวนผู้ใช้ โดยรายได้ของตลาด NFT ทั่วโลกคาดว่าจะลดลง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ตลาด NFT

  • ความสนใจที่ลดลง - ความสนใจของนักลงทุนใน NFT ลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากช่วงที่ตลาด Crypto ซบเซาในปี 2022 โดยมีปัจจัยตั้งแต่ความสนใจจากนักลงทุนลดลงหลังช่วงพีคในปี 2021 และมีความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมจากการสร้าง NFT บน Blockchain ที่ใช้พลังงานสูงและได้รับการวิจารณ์ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงสภาพเศรษฐกิจและการอิ่มตัวของตลาด NFT ซึ่งส่งผลให้รายได้จากตลาดลดลงถึง 62% ในปี 2023 และแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปในปี 2025

  • จำนวนผู้ใช้งานลดลง - คาดว่าจำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม NFT อย่าง OpenSea, SuperRare และ Rarible จะลดลงโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 11.6 ล้านคน เท่ากับปีที่ผ่านมา และจำนวน Wallet ก็คาดว่าจะมีการใช้งานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 มีผู้ใช้งานเพียง 17,700 Wallet ซึ่งลดลงถึงครึ่งหนึ่งจากปี 2023

แม้ว่าตลาด NFT จะเผชิญกับความท้าทาย แต่ยังมีการคาดการณ์ถึงการเติบโตในด้านต่าง ๆ เช่น การนำ NFT มาใช้ในอุตสาหกรรมเกม ดนตรี และการเชื่อมโยงสินทรัพย์ดิจิทัลกับสินทรัพย์ในโลกจริง ซึ่งอาจช่วยขยายฐานผู้ใช้และเพิ่มมูลค่าให้กับ NFT ในอนาคต และหากตลาดต้องการฟื้นตัวในอนาคต ควรมีการปรับปรุงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความโปร่งใสของโครงการ และการสร้างมูลค่าที่แท้จริงให้กับผู้ใช้งาน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและผู้ใช้งานใหม่ และที่สำคัญผู้ลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนในตลาด NFT เนื่องจากความผันผวนและความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ในตลาดนี้

 

การผสานรวมเทคโนโลยีต่างๆ กับ Blockchain

 

เทรนด์การนำเทคโนโลยีอย่าง AI หรือเชื่อมต่อ IoT เข้ากับ Blockchain เป็นอีกเทรนด์ที่น่าติดตาม เพราะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความโปร่งใสในกระบวนการต่างๆ มากขึ้น และยังช่วยส่งเสริมการนำ Blockchain ไปใช้ในวงกว้าง

  • AI และ Machine Learning มีศักยภาพเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด พัฒนาระบบการเงิน DeFi และสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้น

  • Internet of Things (IoT) หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตต่างๆ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Blockchain มากขึ้น เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยและโปร่งใส เช่น ติดตามสินค้า และจัดการพลังงาน ตัวอย่าง เช่น โครงการ VeChain ที่ใช้ Blokchain ในการติดตามสินค้า


โอกาสและความท้าทายของ Crypto ในปี 2025

 

ในปี 2025 ตลาด Crypto มีโอกาสเติบโตสูงจากการสนับสนุนของรัฐบาล การกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจน และการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะการเปิดตัว ETF ที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมี เช่น ความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน แต่ Bitcoin ยังคงเป็นผู้นำตลาดและมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่อไป

 

*ข้อมูลนี้เป็นเพียงการคาดการณ์แนวโน้มและติดตามความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ไม่ได้เป็นคำแนะนำในการลงทุน 

 

-----------------------

 

Sources:

https://www.nasdaq.com/articles/crypto-market-forecast-top-trends-will-affect-crypto-2025

https://www.thearmchairtrader.com/crypto/nft-marketplace-forecast-2025-analysis/

https://nftevening.com/6-top-nft-trends-to-watch-out-for-2024-2025/ 

https://investinghaven.com/crypto-forecasts/15-cryptocurrency-forecasts-2025

https://milkroad.com/daily/defi-will-hit-700b-market-cap-by-eoy-2025 

https://www.kraken.com/learn/crypto-myths-survey 

https://www.forbes.com/sites/leeorshimron/2024/12/23/7-predictions-for-crypto-in-2025-bitcoin-etfs--global-adoption/ 

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Reject
Accept