milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
trending
30 กรกฎาคม 2567
ภาษาไทย

เชื่อมโยงสถาบันทางการเงินและตลาด Cryptocurrency ด้วย “Anchorage”

เจาะลึกข้อมูลด้าน Cryptocurrency ไปกับผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรระดับโลก ในงาน REDeFiNE TOMORROW 2024 ในหัวข้อ “Bridging the Gap Between Institutions and Crypto Markets with Anchorage” หรือ การเชื่อมโยงสถาบันทางการเงินและตลาด Cryptocurrency ด้วย “Anchorage” โดย Diogo Mónica, Co-founder & Executive Chairman ของ Anchorage Digital และ Samar Sen, Head of APAC จาก Talos


Redefin2Aug_1200x800.jpg


Anchorage Digital ธนาคาร Crypto แห่งแรกของสหรัฐอเมริกา

เริ่มต้น Session ด้วยประวัติที่น่าสนใจของ Diogo Mónica และ Nathan McCauley ผู้ก่อตั้ง Anchorage Digital 

ทั้งสองคนมีประสบการณ์ในการทำงานด้าน Security Engineer ให้กับบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังมามากกว่าสิบปี ก่อนจะหันมาก่อตั้งแพลตฟอร์ม Anchorage Digital เพื่อดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่สถาบันทางการเงินและองค์กรต่างๆ ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้สะดวกและปลอดภัย 


Diogo มีส่วนผลักดันให้ Anchorage Digital ได้รับการอนุมัติให้เป็นธนาคาร Cryptocurrency (Anchorage Digital Bank, National Association) แห่งเดียวและแห่งแรก ที่ได้รับกฎบัตรธนาคารแห่งชาติจากสำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐฯ (OCC) ถือเป็นก้าวใหญ่ของวงการ Cryptocurrency ทั้งในสหรัฐอเมริกาและระดับโลก ให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น 



โอกาสเพิ่มความน่าเชื่อของสถาบัน ผ่านบริการ “Staking”


Diogo อธิบายเพิ่มเติมว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นเจ้าของกฎบัตรธนาคารแห่งชาติจากสำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐฯ (OCC) คือการที่ Anchorage Digital สามารถให้บริการแบบ “Staking” เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นหลักประกันด้วยวิธี Proof-of-Stake (PoS) แลกกับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการตรวจสอบรายการธุรกรรม เพื่อเพิ่มความโปร่งใส่ให้แก่เครือข่าย Blockchain


Diogo มองว่าการที่ Anchorage Digital สามารถให้บริการ Staking ให้แก่นักลงทุนระดับสถาบันถือเป็นโอกาสที่ดี สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งบริการ Staking จาก Anchorage Digital เป็นบริการที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐฯ (OCC) เพราะเป็นธนาคาร Cryptocurrency ที่มีความน่าเชื่อถือ มั่นใจได้ว่าไม่มีการบิดเบือนข้อมูล 



Spot Bitcoin ETF ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ Crypto อย่างไร


Spot Bitcoin ETF (Exchange-Traded Fund) เป็นกองทุนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ก.ล.ต สหรัฐฯ) ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Bitcoin เหมือนแพลตฟอร์มอื่น ๆ

 

โดยการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ของก.ล.ต สหรัฐฯ ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจของ Anchorage Digital และ Cryptocurrency Ecosystem เนื่องจากช่วยดึงดูดให้นักลงทุนระดับสถาบันสนใจในการลงทุน Cryptocurrency รวมถึงสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนแบบ ETF หรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยตรง


นอกจากนี้ Diogo ยังให้ความเห็นว่าการมาของ Stablecoin ส่งผลกระทบต่อเหรียญ USDT และ USDC เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคงและโปร่งใส ทำให้ Stablecoin กลายเป็นที่ต้องการของนักลงทุนมากกว่า USDT และ USDC รวมถึงมีแนวโน้มว่าปริมาณการซื้อขายเหรียญ Stablecoin จะได้รับความนิยมและเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต 



เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Porto” และ “Atlas”


เมื่อไม่นานนี้ Anchorage Digital เปิดตัว Porto (porto.xyz) บริการจัดการสินทรัพย์ที่ขยายขีดความสามารถของ Anchorage Digital ช่วยให้สถาบันสามารถเชื่อมต่อกับ DeFi และเข้าร่วมการกำกับดูแลได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Atlas ที่ใช้ประโยชน์จากการได้รับกฎบัตรธนาคารแห่งชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการชำระ Cryptocurrency ระหว่างทั้งสองฝั่ง เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูง โดย Atlas อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาด Cryptocurrency  ในสหรัฐอเมริกา 


สำหรับแผนในอนาคตของ Anchorage Digital จะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ๆ ตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของตลาด Cryptocurrency นอกจากนี้ Atlas ยังวางแผนที่จะมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนให้แก่เหรียญ Stablecoins และดอลลาร์ ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมของลูกค้า Anchorage Digital เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในด้านการลงทุน 



อนาคตของ Anchorage Digital และเส้นทางการสร้าง RWA 


จากความร่วมมือของ Anchorage Digital และ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ถือเป็นก้าวสำคัญในการเติบโตของ Anchorage Digital เนื่องจากทีม Anchorage Digital จะได้ดูแล “BUIDL” กองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลของ BlackRock ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการเปลี่ยนแปลงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ให้กลายเป็นรูปแบบ Digital Token โดย Diogo ยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตจะมีโครงการเปลี่ยนสินทรัพย์ในโลกจริงให้เป็นโทเคนดิจิทัล (RWA Tokenization) เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ๆ ให้นักลงทุน 



สรุป


ความท้าทายใหม่ๆ ของ Diogo นับตั้งแต่การเป็นผู้ก่อตั้ง Anchorage Digital ไปจนถึงการร่วมงานกับ Haun Ventures ในตำแหน่ง General Partner ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา เขาได้ลงทุนในบริษัทมากกว่า 125 แห่ง รวมถึงมีความหลงใหลในการสนับสนุน Cryptocurrency  Ecosystem ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่า Diogo จะได้รับหน้าที่ใหม่ แต่เขายังคงผลักดันให้  Anchorage Digital สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการจ้าง Aaron Schnarch อดีต CEO ของ Coinbase Custody มาเป็น COO ล่าสุด


สำหรับใครที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Anchorage Digital สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่  Anchorage Digita
หรือรับชมคลิปวิดีโอบน
Youtube: https://youtu.be/c9HTMC67hb0?si=QLOLoGoqYG0Aq2Dm

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Reject
Accept