สำรวจบทบาท Bitcoin ETF บนเวทีการเงินโลก และทิศทางในไทย
Spot Bitcoin ETF กำลังได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือการลงทุนระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึง Bitcoin ผ่านช่องทางที่มีการกำกับดูแล โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง หลายประเทศได้เริ่มอนุมัติผลิตภัณฑ์ประเภทนี้แล้ว และประเทศไทยเองก็กำลังพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อพัฒนา ETF ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล
Key Takeaways
- สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเทรนด์ Spot Bitcoin ETF ด้วยกระแสเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบัน
- สหรัฐอเมริกาและแคนาดามีตลาด Bitcoin ETF ที่แข็งแกร่ง โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีกระแสเงินไหลเข้าจำนวนมาก
- ประเทศไทยเริ่มต้นอนุมัติกองทุน ETF สำหรับนักลงทุนสถาบัน และกำลังเตรียมเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้
- ภาพรวมทั่วโลกแสดงให้เห็นชัดเจนว่า Bitcoin ETF กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัล
กระแสเงินทุนใน Bitcoin ETF (พฤษภาคม 2568)
ภายหลังจากการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF กระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุนเหล่านี้มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางหลักของตลาด มีความเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนที่โดดเด่น ตัวอย่างเช่น:
- ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 กระแสเงินทุนที่ไหลเข้า Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มมีความผันผวนตามทิศทางราคาตลาด โดยกองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ 599.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
- อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 พบว่ากระแสเงินไหลเข้าลดลงเหลือเพียง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าราคา BTC จะพุ่งสูงขึ้นแตะ 105,819 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าจับตาว่าตลาดอาจเริ่มมีการปรับฐาน ตามธรรมชาติความผันผวนของตลาด Crypto
สหรัฐอเมริกา: เส้นทางสู่ ETF ที่หลากหลาย หลังจากการอนุมัติ Bitcoin ETF
- ภายหลังจากการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในตลาดการเงินดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในการพิจารณาอนุมัติ ETF ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยปัจจุบันมีคำขอที่อยู่ระหว่างการพิจารณากว่า 70 รายการ ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความหลากหลาย เช่น XRP, Solana (SOL), Dogecoin (DOGE) และ Litecoin (LTC)
- ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่นอกเหนือไปจาก Bitcoin ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีการกำกับดูแลและมีความคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม กระบวนการพิจารณาของ SEC ยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเน้นถึงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคา กลไกตลาด และการคุ้มครองนักลงทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้
- ท่าทีที่รอบคอบของ SEC ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากภายในองค์กรเอง กรรมาธิการ Hester Peirce ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการของ SEC ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยวิจารณ์ว่า SEC "จัดการได้แย่มาก" กับกระบวนการอนุมัติ ETF ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกระบวนการให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Peirce ชี้ให้เห็นว่าความล่าช้าและความไม่ชัดเจนในการอนุมัติ ETF อาจเป็นการปิดกั้นโอกาสในการลงทุนและนวัตกรรมในตลาด
อย่างไรก็ตาม การพิจารณา ETF ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญในการพัฒนาตลาดการเงินดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา หาก SEC อนุมัติ ETF เหล่านี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันและรายย่อยสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายขึ้นผ่านช่องทางที่มีการกำกับดูแล ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มสภาพคล่องและเสถียรภาพให้กับตลาดโดยรวม อย่างไรก็ตาม SEC ยังคงต้องพิจารณาอย่างรอบด้านถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองผู้ลงทุน
สถานการณ์ในแต่ละประเทศที่น่าสนใจ
- สหรัฐอเมริกา: Spot Bitcoin ETF กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ETF ที่มีกระแสเงินไหลเข้าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ หลังจากที่ SEC อนุมัติ Spot Bitcoin ETF ในช่วงต้นปี 2567 ปี 2568 ถือเป็นปีที่ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีกระแสเงินไหลเข้าสะสมมากกว่า 34.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดยกองทุนจาก BlackRock (IBIT) และ Fidelity ซึ่งมีกระแสเงินไหลเข้ารายวันสูงสุดต่อเนื่องหลายสัปดาห์
- แคนาดา: เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่อนุมัติ Bitcoin ETF โดยมีการเปิดตัว Bitcoin ETF หลายกองทุนตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึง Bitcoin ผ่านเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับการกำกับดูแลและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ง่าย และตลาด Crypto ETF ในแคนาดามีความหลากหลายและมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกลยุทธ์และค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน
- ฮ่องกง: เป็นภูมิภาคแรกในเอเชียที่อนุมัติ Spot Bitcoin และ Ether ETF อย่างเป็นทางการ ในไตรมาสแรกของปี 2568 ฮ่องกงได้ประกาศอนุมัติ Spot Bitcoin และ Ether ETF อย่างเป็นทางการ และเปิดโอกาสให้นักลงทุนใน Greater Bay Area สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Southbound Connect ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงตลาดจีนเข้ากับผลิตภัณฑ์ Crypto ภายใต้การกำกับดูแล
- เยอรมนี: แม้ว่าเยอรมนีจะยังไม่มีการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF หรือ Ether ETF ในลักษณะเดียวกับสหรัฐอเมริกา แคนาดา หรือฮ่องกง แต่ตลาดก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง Crypto โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Exchange-Traded Crypto Products (ETPs) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ETF แต่มีโครงสร้างทางกฎหมายที่แตกต่างกัน และในปีนี้ BTCE ของ ETC Group ก็ได้รับกระแสเงินไหลเข้าที่สูงขึ้นจากนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่มีการควบคุมความเสี่ยงผ่านโครงสร้างตลาดของยุโรปที่มีความโปร่งใสและเป็นมิตรกับสถาบัน
- บราซิล: ยังคงเป็นผู้นำในลาตินอเมริกา โดย ETF ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย แม้ว่าจะมีการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2564 แต่ในปี 2568 นี้ ETF ตัวแรกของละตินอเมริกาอย่าง QBTC11 ยังคงเติบโตด้วยฐานนักลงทุนใหม่และการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มดิจิทัลในท้องถิ่นที่ส่งเสริมการเข้าถึงของนักลงทุนรายย่อย
ความคืบหน้าในประเทศไทย
ประเทศไทยเริ่มดำเนินงานในทิศทางเดียวกับประเทศชั้นนำ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองนักลงทุนและการพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม โดยมีความเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น
- การลงทุนระดับสถาบัน (ONEAM และ MFC):
- กองทุนรวม Bitcoin ของไทย 2 แห่ง (ONEAM และ MFC) ทำผลตอบแทนได้ถึง 30% นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน เนื่องจากราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นใกล้ 100,000 ดอลลาร์ หลังจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
- สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้บริษัทจัดการกองทุนเพียง 2 แห่งนี้เปิดตัวกองทุนรวมที่ลงทุนใน Bitcoin ETF แบบ Spot โดยจำกัดการลงทุนไว้สำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งสูง (UI) เท่านั้น เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง
- กองทุน ONE Bitcoin ETF Fund of Funds Unhedged (ONE-BTCETFOF-UI) ของ ONEAM ลงทุนในกองทุนหลักหลายแห่ง เช่น Franklin Bitcoin ETF, iShares Bitcoin Trust Fund และ Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund โดยมีสินทรัพย์รวม 327 ล้านบาท ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน
- กองทุน MFC Bitcoin ETF Tracker Fund (MBTCETF-UI) ของ MFC ลงทุนใน Bitcoin ETF โดยเฉพาะ iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock โดยมีสินทรัพย์สุทธิ 2.5 พันล้านบาท ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับปรุงเกณฑ์เพื่อให้กองทุนรวมไทยสามารถลงทุนใน ETF ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ไม่เกิน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และปัจจุบันกำลังพิจารณาการเปิดตัว Bitcoin ETF สำหรับนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระบบการเงินดิจิทัลของประเทศ
ทำไม ETF ถึงสำคัญ?
ETF เป็นตัวกลางสำคัญที่เชื่อมโยงนักลงทุนแบบดั้งเดิมเข้าสู่โลกของ Crypto โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง มีจุดเด่น เช่น
- สะดวกและปลอดภัยกว่า: ไม่จำเป็นต้องถือครอง Private key หรือกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บเหรียญ ลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการถือครอง Bitcoin โดยตรงด้วยตนเอง
- โปร่งใสภายใต้การกำกับดูแล: เหมาะสำหรับสถาบันและนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน
- ขยายการเข้าถึง Crypto: โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มีการเปิดเสรีการถือครอง Crypto ได้โดยตรง จึงช่วยให้เข้าถึง Crypto ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ได้
มุมมองอนาคตของ ETF กับโอกาสในประเทศไทย
- ประเทศไทยมีโอกาสเพิ่มความน่าเชื่อถือของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึง ETF ที่มีการกำกับดูแล
- และหากพัฒนากฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและทันสมัย ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนใน Cryptocurrency ของอาเซียน ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
- การเร่งพัฒนาโครงสร้างการกำกับดูแลที่สมดุลและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและการลงทุนผ่าน ETF ควบคู่ไปกับการคุ้มครองนักลงทุน
มุมมองสำหรับนักลงทุน
- เริ่มต้นได้ง่ายกว่าที่เคย: ด้วยการลงทุนผ่าน ETF ที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
- ลดความเสี่ยงจากการถือครองเหรียญด้วยตนเอง: แต่ยังคงสามารถเข้าถึงโอกาสในการเติบโตของ Bitcoin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มี ETF ให้เลือกพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนที่มีคุณภาพระดับโลก: เช่น BlackRock, Fidelity หรือ Franklin Templeton
- ติดตามความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย: เพื่อวางแผนพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม
สรุป:
การเติบโตของ Spot Bitcoin ETF ทั่วโลกสะท้อนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบการเงินยุคใหม่ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านโครงสร้างที่ได้รับการกำกับดูแลและเชื่อถือได้ ขณะที่ประเทศไทยเริ่มก้าวสู่ทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งเน้นความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างรอบด้าน หากสามารถเร่งพัฒนากรอบกำกับดูแลที่เหมาะสม พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึง ETF ได้ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการลงทุน Crypto ในระดับภูมิภาคในอนาคตอันใกล้
*บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และมิได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำด้านการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ
-----------------------------------
Sources
- Yahoo Finance – “Billionaires Are Buying a BlackRock ETF That Wall Street Analysts Say Is Soaring”
- ETFdb – Bitcoin ETF Overview
- Nasdaq – Canadian Crypto ETFs
- TrackInsight – “Hong Kong Approves First Spot Crypto ETFs”
- CoinDesk – “Brazil Stock Exchange Lists First Bitcoin ETF”
- Tech in Asia – “Thailand eyes first bitcoin ETFs to expand crypto access”
- Bangkok Post – “Local bitcoin funds record returns of 30%”
- SEC Thailand – “ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์กองทุนรวมลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล”