milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
business
26 พฤษภาคม 2568
ภาษาไทย

สำรวจบทบาท Bitcoin ETF บนเวทีการเงินโลก และทิศทางในไทย

Spot Bitcoin ETF กำลังได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือการลงทุนระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึง Bitcoin ผ่านช่องทางที่มีการกำกับดูแล โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง หลายประเทศได้เริ่มอนุมัติผลิตภัณฑ์ประเภทนี้แล้ว และประเทศไทยเองก็กำลังพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อพัฒนา ETF ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล


Article_1200X800-th.jpg


Key Takeaways

  • สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเทรนด์ Spot Bitcoin ETF ด้วยกระแสเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบัน

  • สหรัฐอเมริกาและแคนาดามีตลาด Bitcoin ETF ที่แข็งแกร่ง โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีกระแสเงินไหลเข้าจำนวนมาก

  • ประเทศไทยเริ่มต้นอนุมัติกองทุน ETF สำหรับนักลงทุนสถาบัน และกำลังเตรียมเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้

  • ภาพรวมทั่วโลกแสดงให้เห็นชัดเจนว่า Bitcoin ETF กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัล


กระแสเงินทุนใน Bitcoin ETF (พฤษภาคม 2568)

ภายหลังจากการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF กระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุนเหล่านี้มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางหลักของตลาด มีความเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนที่โดดเด่น ตัวอย่างเช่น:

  • ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 กระแสเงินทุนที่ไหลเข้า Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มมีความผันผวนตามทิศทางราคาตลาด โดยกองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ 599.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 พฤษภาคม 2568

  • อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 พบว่ากระแสเงินไหลเข้าลดลงเหลือเพียง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าราคา BTC จะพุ่งสูงขึ้นแตะ 105,819 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าจับตาว่าตลาดอาจเริ่มมีการปรับฐาน ตามธรรมชาติความผันผวนของตลาด Crypto


สหรัฐอเมริกา: เส้นทางสู่ ETF ที่หลากหลาย หลังจากการอนุมัติ Bitcoin ETF

  • ภายหลังจากการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในตลาดการเงินดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในการพิจารณาอนุมัติ ETF ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยปัจจุบันมีคำขอที่อยู่ระหว่างการพิจารณากว่า 70 รายการ ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความหลากหลาย เช่น XRP, Solana (SOL), Dogecoin (DOGE) และ Litecoin (LTC)

  • ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่นอกเหนือไปจาก Bitcoin ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีการกำกับดูแลและมีความคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม กระบวนการพิจารณาของ SEC ยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเน้นถึงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคา กลไกตลาด และการคุ้มครองนักลงทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้

  • ท่าทีที่รอบคอบของ SEC ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากภายในองค์กรเอง กรรมาธิการ Hester Peirce ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการของ SEC ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยวิจารณ์ว่า SEC "จัดการได้แย่มาก" กับกระบวนการอนุมัติ ETF ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกระบวนการให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Peirce ชี้ให้เห็นว่าความล่าช้าและความไม่ชัดเจนในการอนุมัติ ETF อาจเป็นการปิดกั้นโอกาสในการลงทุนและนวัตกรรมในตลาด


อย่างไรก็ตาม การพิจารณา ETF ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญในการพัฒนาตลาดการเงินดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา หาก SEC อนุมัติ ETF เหล่านี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันและรายย่อยสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายขึ้นผ่านช่องทางที่มีการกำกับดูแล ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มสภาพคล่องและเสถียรภาพให้กับตลาดโดยรวม อย่างไรก็ตาม SEC ยังคงต้องพิจารณาอย่างรอบด้านถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองผู้ลงทุน



สถานการณ์ในแต่ละประเทศที่น่าสนใจ

  • สหรัฐอเมริกา: Spot Bitcoin ETF กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ETF ที่มีกระแสเงินไหลเข้าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ หลังจากที่ SEC อนุมัติ Spot Bitcoin ETF ในช่วงต้นปี 2567 ปี 2568 ถือเป็นปีที่ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีกระแสเงินไหลเข้าสะสมมากกว่า 34.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดยกองทุนจาก BlackRock (IBIT) และ Fidelity ซึ่งมีกระแสเงินไหลเข้ารายวันสูงสุดต่อเนื่องหลายสัปดาห์

  • แคนาดา: เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่อนุมัติ Bitcoin ETF โดยมีการเปิดตัว Bitcoin ETF หลายกองทุนตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึง Bitcoin ผ่านเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับการกำกับดูแลและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ง่าย และตลาด Crypto ETF ในแคนาดามีความหลากหลายและมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกลยุทธ์และค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน

  • ฮ่องกง: เป็นภูมิภาคแรกในเอเชียที่อนุมัติ Spot Bitcoin และ Ether ETF อย่างเป็นทางการ ในไตรมาสแรกของปี 2568 ฮ่องกงได้ประกาศอนุมัติ Spot Bitcoin และ Ether ETF อย่างเป็นทางการ และเปิดโอกาสให้นักลงทุนใน Greater Bay Area สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Southbound Connect ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงตลาดจีนเข้ากับผลิตภัณฑ์ Crypto ภายใต้การกำกับดูแล

  • เยอรมนี: แม้ว่าเยอรมนีจะยังไม่มีการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF หรือ Ether ETF ในลักษณะเดียวกับสหรัฐอเมริกา แคนาดา หรือฮ่องกง แต่ตลาดก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง Crypto โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Exchange-Traded Crypto Products (ETPs) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ETF แต่มีโครงสร้างทางกฎหมายที่แตกต่างกัน และในปีนี้ BTCE ของ ETC Group ก็ได้รับกระแสเงินไหลเข้าที่สูงขึ้นจากนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่มีการควบคุมความเสี่ยงผ่านโครงสร้างตลาดของยุโรปที่มีความโปร่งใสและเป็นมิตรกับสถาบัน

  • บราซิล: ยังคงเป็นผู้นำในลาตินอเมริกา โดย ETF ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย แม้ว่าจะมีการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2564 แต่ในปี 2568 นี้ ETF ตัวแรกของละตินอเมริกาอย่าง QBTC11 ยังคงเติบโตด้วยฐานนักลงทุนใหม่และการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มดิจิทัลในท้องถิ่นที่ส่งเสริมการเข้าถึงของนักลงทุนรายย่อย


ความคืบหน้าในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มดำเนินงานในทิศทางเดียวกับประเทศชั้นนำ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองนักลงทุนและการพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม โดยมีความเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น

  • การลงทุนระดับสถาบัน (ONEAM และ MFC): 
    • กองทุนรวม Bitcoin ของไทย 2 แห่ง (ONEAM และ MFC) ทำผลตอบแทนได้ถึง 30% นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน เนื่องจากราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นใกล้ 100,000 ดอลลาร์ หลังจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

    • สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้บริษัทจัดการกองทุนเพียง 2 แห่งนี้เปิดตัวกองทุนรวมที่ลงทุนใน Bitcoin ETF แบบ Spot โดยจำกัดการลงทุนไว้สำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งสูง (UI) เท่านั้น เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง

    • กองทุน ONE Bitcoin ETF Fund of Funds Unhedged (ONE-BTCETFOF-UI) ของ ONEAM ลงทุนในกองทุนหลักหลายแห่ง เช่น Franklin Bitcoin ETF, iShares Bitcoin Trust Fund และ Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund โดยมีสินทรัพย์รวม 327 ล้านบาท ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน   

    • กองทุน MFC Bitcoin ETF Tracker Fund (MBTCETF-UI) ของ MFC ลงทุนใน Bitcoin ETF โดยเฉพาะ iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock โดยมีสินทรัพย์สุทธิ 2.5 พันล้านบาท ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับปรุงเกณฑ์เพื่อให้กองทุนรวมไทยสามารถลงทุนใน ETF ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ไม่เกิน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และปัจจุบันกำลังพิจารณาการเปิดตัว Bitcoin ETF สำหรับนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระบบการเงินดิจิทัลของประเทศ


ทำไม ETF ถึงสำคัญ?

ETF เป็นตัวกลางสำคัญที่เชื่อมโยงนักลงทุนแบบดั้งเดิมเข้าสู่โลกของ Crypto โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง มีจุดเด่น เช่น

  • สะดวกและปลอดภัยกว่า: ไม่จำเป็นต้องถือครอง Private key หรือกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บเหรียญ ลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการถือครอง Bitcoin โดยตรงด้วยตนเอง

  • โปร่งใสภายใต้การกำกับดูแล: เหมาะสำหรับสถาบันและนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน

  • ขยายการเข้าถึง Crypto: โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มีการเปิดเสรีการถือครอง Crypto ได้โดยตรง จึงช่วยให้เข้าถึง Crypto ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ได้


มุมมองอนาคตของ ETF กับโอกาสในประเทศไทย

  • ประเทศไทยมีโอกาสเพิ่มความน่าเชื่อถือของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึง ETF ที่มีการกำกับดูแล

  • และหากพัฒนากฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและทันสมัย ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนใน Cryptocurrency ของอาเซียน ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

  • การเร่งพัฒนาโครงสร้างการกำกับดูแลที่สมดุลและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและการลงทุนผ่าน ETF ควบคู่ไปกับการคุ้มครองนักลงทุน


มุมมองสำหรับนักลงทุน

  • เริ่มต้นได้ง่ายกว่าที่เคย: ด้วยการลงทุนผ่าน ETF ที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

  • ลดความเสี่ยงจากการถือครองเหรียญด้วยตนเอง: แต่ยังคงสามารถเข้าถึงโอกาสในการเติบโตของ Bitcoin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • มี ETF ให้เลือกพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนที่มีคุณภาพระดับโลก: เช่น BlackRock, Fidelity หรือ Franklin Templeton

  • ติดตามความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย: เพื่อวางแผนพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม


สรุป:

การเติบโตของ Spot Bitcoin ETF ทั่วโลกสะท้อนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบการเงินยุคใหม่ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านโครงสร้างที่ได้รับการกำกับดูแลและเชื่อถือได้ ขณะที่ประเทศไทยเริ่มก้าวสู่ทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งเน้นความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างรอบด้าน หากสามารถเร่งพัฒนากรอบกำกับดูแลที่เหมาะสม พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึง ETF ได้ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการลงทุน Crypto ในระดับภูมิภาคในอนาคตอันใกล้


*บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และมิได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำด้านการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ



-----------------------------------

 


Sources

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Reject
Accept