milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
Technology
13 มกราคม 2566
ภาษาไทย

รู้จัก The Merge กับการอัปเดตครั้งสำคัญเพื่อรากฐานอนาคตของ Blockchain

อีกหนึ่งการอัปเดตที่สำคัญที่สุดของโลก Open Source กับ ‘The Merge’ ของ Ethereum ที่เปลี่ยนระบบจากเป็น "Proof-of-Stake" (PoS) นับว่าเป็นการอัปเดตส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรม Ethereum นั่นคือกลไกฉันทามติ (Consensus Mechanism) ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงของเวลาให้บริการและรักษาสถานะใช้งานของผู้ใช้ออนไลน์หลายล้านคนและแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ (Dapps) นับพันรายการ และอีกกว่าหลายแสนล้านดอลลาร์ที่ถูกดูแลอย่างปลอดภัย และการอัปเดตครั้งสำคัญนี้ทำให้ Ethereum เป็น Blockchain ที่ดีอย่างไรบ้าง? มาทบทวนข้อดีและที่มาที่ไปบางประการกันอีกครั้งในบทความนี้

Arti2-edited_1200X800.jpg

The Merge คือ?

จุดเริ่มต้น The Merge มาจากการสร้าง Beacon Chain ในวันที่ 1 ธันวาคม 2020 ที่ใช้ระบบ Proof-of-Stake โดยทำงานคู่ขนานไปกับ Mainnet ซึ่งข้อมูลต่างๆ ของ Mainnet ตั้งแต่บัญชีทั้งหมด ยอดคงเหลือ ไปจนถึง Smart Contract และสถานะของ Blockchain ยังคงได้รับการรักษาความปลอดภัยและทำงานภายใต้ระบบ Proof-of-Work ซึ่ง The Merge เป็นการผสานงานกันของเครือข่ายทั้งสองจนในที่สุดระบบ Proof-of-Work ของ Mainnet จะถูกแทนที่อย่างถาวรด้วย Proof-of-Stake หรือเปลี่ยนมาใช้ Beacon Chain เพื่อสร้าง Block อย่างเป็นทางการ

หรือสรุปง่ายๆ The Merge คือการรวมระบบการทำงานที่มีอยู่ของ Ethereum ด้วยการเปลี่ยนระบบกลไกฉันทามติ (Consensus) บนเครือข่าย Blockchain จาก Proof-of-Work เป็นระบบ Proof-of-Stake หรือเป็นการรวม Mainnet เข้ากับ Beacon Chain ส่งผลให้แผนการเพื่อปรับปรุงการทำงานในหลายด้านของ Ethereum ที่วางไว้เป็นจริง ไม่ว่าจะการเป็นปกป้องเครือข่ายด้วยการ Stake ด้วย ETH สร้างโอกาสเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมแทนการใช้พลังงานเพื่อการขุด รวมถึงรองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากหรือเพิ่มความสามารถ Scalability อย่าง Sharding ไปจนถึงความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น


Proof-of-Work และ Proof-of-Stake แตกต่างกันอย่างไร?



Proof-of-Work เป็นกระบวนการที่ใช้ในการสร้าง Cryptocurrency โดยคนส่วนใหญ่จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์เพื่อขุดเหรียญด้วยการแก้อัลกอริธึมที่ซับซ้อน ซึ่งผู้ขุดก็จะได้รับเหรียญเป็นผลตอบแทนและมีส่วนช่วยตรวจสอบเครือข่าย Blockchain โดยรวมด้วยการตรวจสอบธุรกรรม 

ส่วน Proof-of-Stake เป็นกระบวนการที่เจ้าของ Crypto ใช้เหรียญในการ Stake หรือค้ำประกันเพื่อตรวจสอบธุรกรรมบน Blockchain อย่างเช่นการวาง Stake ของ ETH ในครั้งนี้ทำหน้าที่เป็นหลักประกันที่สามารถถูกทำลายได้หากถูกตรวจสอบว่ามีประพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือไม่ซื่อสัตย์


การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของ The Merge

อย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้พลังงานเป็นปัญหาใหญ่ของโลกสกุลเงินดิจิทัลจนถึงขณะนี้ ต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในการขุดเหรียญ ยกตัวอย่างเช่นการสร้างหนึ่ง Bitcoin ต้องใช้พลังงานในปริมาณเท่ากันกับที่ครัวเรือนใช้เป็นเวลามากกว่า 47 วันในสหรัฐฯ จากข้อมูลของ Digiconomist 

เป้าหมายสำคัญหนึ่งของ Ethereum คือลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการมาของ The Merge เป็นจุดจบของ Proof-of-Work ซึ่งเป็นกระบวนการขุดที่ใช้พลังงานมาก และเริ่มต้นยุคใหม่กับ Proof-of-Stake ที่ใช้พลังงานน้อยกว่ามาก เริ่มต้นยุคของ Ethereum ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนยิ่งขึ้น เข้าสู่การเป็น Green Blockchain ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดย The Merge ทำให้การใช้พลังงานของ Ethereum ลดลงประมาณ 99.95% หรือการใช้พลังงานสามารถเทียบเท่ากับที่ศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Datacenter) ของ Web2 เท่านั้น


ด้านความปลอดภัยของ The Merge 

ทุก Blockchain ต้องจ่ายเงินเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผ่านการให้โทเคนเป็นรางวัลกับผู้ตรวจสอบความถูกต้อง และงบประมาณด้านความปลอดภัยของ Blockchain แบบ PoW จะต้องครอบคลุมค่าไฟฟ้าของผู้ขุดบวกด้วยส่วนต่าง แต่การตรวจสอบความปลอดภัยใน PoS ต้องการอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าการขุดใน PoW และมีประสิทธิภาพมากกว่า 

นอกจากนี้ PoW ยังมีความสามารถในการลงโทษผู้โจมตีระบบที่จำกัด เนื่องจากสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของพวกเขาอยู่นอกเครือข่ายในรูปแบบของเครื่องขุด ในขณะที่ PoS สามารถเข้าถึงทุนที่ผู้ตรวจสอบ Stake ฝากเอาไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่ายได้โดยตรง ซึ่งส่งผลดีในแง่ของผลตอบแทนและเพิ่มความปลอดภัยที่มากขึ้น 

การกระจายศูนย์และความเป็นธรรมใน The Merge 

การขุดใน PoW จะขึ้นอยู่กับการประหยัดต่อขนาด (Economies Of Scale) ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่สำคัญ ผู้เข้าร่วมขุดในเครือข่ายมีการแข่งขันกันเพื่อรับรางวัลและความสามารถในการทำกำไรจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพเป็นหลัก ซึ่งนักขุดรายใหญ่จะมีความได้เปรียบมากกว่านักขุดรายย่อยที่สุดท้ายมักจะไม่สามารถเข้าร่วมได้ แต่ใน PoS ไม่มีความท้าทายนี้ เพราะทุกคนสามารถเข้าร่วมเป็นผู้ตรวจสอบบน Ethereum ได้หากมี 32 ETH


ความมั่นใจในธุรกรรมที่มีผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ (Finality) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และความเร็วในการทำธุรกรรม


ธุรกรรมบน Blockchain แบบ PoW ไม่มีผลเสร็จสิ้นอย่างแท้จริง หรือเป็น Probabilistic Finality ที่ขั้นสุดท้ายของธุรกรรมจะเพิ่มขึ้นเมื่อมี Block เพิ่มขึ้นใน Blockchainn หลังจากการทำธุรกรรม ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ธุรกรรมจะถูกย้อนกลับเสมอ ส่วนธุรกรรมบน Blockchain แบบ PoS ต้องผ่านฉันทามติและถือเป็นที่สิ้นสุด

การทำธุรกรรมขั้นสุดท้าย (Transaction Finality) หรือความเร็วในการทำธุรกรรมบน Ethereum เป็นการวางรากฐานเพื่อการปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดของ Ethereum ในอนาคต ยกตัวอย่างเช่นการปรับปรุง Rollups ผ่านโซลูชัน Layer 2 และปรับปรุงการเชื่อมต่อกับ Blockchain อื่นๆ (Cross-Chain Bridges) รวมถึงปรับปรุงให้นักพัฒนาใช้งานง่ายและเหมาะสมมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม The Merge เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของการปรับปรุงเท่านั้น หมายความว่ายังสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้ในอนาคตและจะมีการอัปเดตใหม่ตามมา ซึ่งก็ต้องติดตามการอัปเดตครั้งต่อไปตามแผนการที่วางเอาไว้ของ Ethereum ตั้งแต่ The Surge ไปจนถึง The Splurge 

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Accept