milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
entrepreneur
29 มกราคม 2568
ภาษาไทย

สรุปภาพรวมการเติบโตและโอกาสของสตาร์ทอัพไทย ปี 2024

ในปี 2024 สตาร์ทอัพไทยถูกจัดอันดับเป็นอันดับที่ 54 ของโลก และอันดับที่ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาในระดับที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของผู้ประกอบการ การสนับสนุนจากภาครัฐ และความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ ที่พยายามสร้างระบบนิเวศที่ช่วยกันผลักดันการเติบโตของสตาร์ทอัพในประเทศ


Article1FEB_1200X800.jpg


ประเทศไทยติดอันดับ 3 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ใน 1,000 อันดับแรกของโลกในระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Global Startup Ecosystems) โดยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ นักวิจัยจาก StartupBlink ระบุว่าระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพที่น่าสนใจในอนาคต อย่างไรก็ตาม ระบบนิเวศในปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นและต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืน



ภาพรวมระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย

ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้พัฒนาเศรษฐกิจผ่านการปฏิรูปและนวัตกรรมทางสังคม แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับการยอมรับในฐานะแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก แต่ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ได้กระตุ้นภาครัฐหันมาส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต แม้จะยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย แต่ความพยายามเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของระบบนิเวศในประเทศ

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังดึงดูดกลุ่ม “Digital Nomads” หรืออาชีพที่สามารถทำงานได้จากทุกที่ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ด้วยนโยบายใหม่ที่สร้างสรรค์ ภาครัฐสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และความสามารถของกลุ่มนี้ โดยตั้งเป้าสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการท้องถิ่นและต่างชาติ เพื่อพัฒนาโครงการที่เชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากแรงงานไทย



ความก้าวหน้าในการสร้างยูนิคอร์นในประเทศ

ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี พร้อมค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สูงนัก ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพ  นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นยูนิคอร์น ซึ่งล้วนมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น

  • Line Man Wongnai
  • Flash Express
  • Ascend Money

ความสำเร็จของยูนิคอร์นเหล่านี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยในตลาดโลก แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ พร้อมทั้งดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าสู่ตลาดไทย เสริมสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพของประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น 



นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลไทยส่งเสริมผ่านนโยบายต่างๆ เช่น

  • ประกาศใช้มาตรการทางภาษี: เช่น รัฐบาลประกาศยกเว้นภาษีกำไรจากการลงทุนในสตาร์ทอัพเป็นเวลา 10 ปี เพื่อจูงใจนักลงทุนในภาคเทคโนโลยี

  • โครงการ Visa ที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติสามารถเข้ามาทำงานในไทยได้อย่างสะดวก:

    • Smart Visa ช่วยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้เข้ามามีส่วนร่วมในระบบนิเวศของไทย โดยลดขั้นตอนในการทำเอกสารที่ยุ่งยาก 

    • Long-term Resident Visa ที่มอบสิทธิประโยชน์ครอบคลุม ทั้งด้านภาษี และด้านอื่นๆ เพื่อดึงดูดคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงในการเข้ามาลงทุน และอยู่พำนักในประเทศระยะยาว

    • Elite Visa สำหรับการท่องเที่ยวระยะยาว

  • โครงการพัฒนาสาธารณูปโภค:

    • โครงการสนามบินอู่ตะเภา

    • รถไฟฟ้าความเร็วสูง

    • รถไฟฟ้าสายสีม่วง

โครงการเหล่านี้สนับสนุนวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

 

 

การลงทุนจาก CVC และ VC ระดับภูมิภาค 

 

สตาร์ทอัพไทยได้รับการสนับสนุนจาก Corporate Venture Capitals (CVCs) ในประเทศ และกำลังดึงดูดเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก Venture Capitals (VCs) ระดับภูมิภาค จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงทรัพยากรและเครือข่ายที่หลากหลายมากขึ้น

ในปัจจุบัน สตาร์ทอัพไทยได้รับการสนับสนุนจาก Corporate Venture Capitals (CVCs) ในประเทศ เช่น

  • SCB 10X

  • Beacon Venture Capital

  • AddVentures by SCG

  • Invent

  • True Incube

  • Singha Ventures

นอกจากนี้ ยังมีการดึงดูดการลงทุนจาก Regional Venture Capitals (VCs) ที่มีชื่อเสียง อาทิ

  • Golden Gate Ventures

  • Openspace Ventures

  • Quona Capital

  • Vertex Ventures

การลงทุนเหล่านี้ช่วยเพิ่มทรัพยากรและเครือข่ายระดับสากลให้กับสตาร์ทอัพไทย ช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก

 

 

ภาพรวมตลาดการลงทุนและดีลธุรกิจระดับโลกในปี 2024 

ในปี 2024 ตลาดการลงทุนในระดับโลกแสดงให้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปรียบเทียบการเติบโตของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญ เช่น FTSE 100, S&P 500, Nikkei 225 และ Nasdaq ซึ่ง Nasdaq มีการเติบโตสูงสุดที่ 45.3% ในขณะที่ S&P 500 และ Nikkei 225 เติบโตที่ 41.6% และ 26.9% ตามลำดับ

  • การเติบโตของดีลธุรกิจ: ในช่วงมกราคมถึงกันยายน 2024 การเติบโตของดีลในธุรกิจขนาดเล็ก (Small), ขนาดกลาง (Mid) และขนาดใหญ่ (Large) อยู่ที่ 9.7%, 9.6%, และ 8.7% ตามลำดับ

  • มูลค่าเฉลี่ยของดีล: ขนาดเฉลี่ยของดีลมีแนวโน้มลดลงในช่วงปี 2021-2023 แต่ฟื้นตัวขึ้นในปี 2024 โดยมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ล้านดอลลาร์

  • จำนวนดีลและการระดมทุน: ในปี 2024 มีดีลทั้งหมด 266 ดีล เทียบกับ 262 ดีลในปี 2023 โดยมีการระดมทุนรวมที่สอดคล้องกับการเติบโตของตลาด

จากการวิเคราะห์ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างมั่นคงของระบบเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความสามารถในการปรับตัวของภาคธุรกิจในระดับโลก

 

 

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในตลาดทุน 

  • ตลาดทุนสาธารณะทั่วโลกยังคงเติบโตต่อเนื่องจากข้อมูลในข้างต้น โดยเฉพาะในปี 2024 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ตั้งแต่ปี 2020 และการฟื้นตัวของการเติบโตของกำไรที่หลากหลายหลังจากช่วงซบเซาในยุคหลังการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม การเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3 ปี 2024 หุ้นเทคโนโลยีให้ผลตอบแทน 2.35% แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 51% ในปีนี้

  • ในขณะเดียวกัน การระดมทุนผ่าน Venture Capital ยังคงลดลงเนื่องจากขาดการออกจากตลาด (Exits) และการลดการลงทุนในระยะท้าย แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ความตื่นตัวใน Generative AI ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยคิดเป็นหนึ่งในสามของเงินทุน VC ทั้งหมดที่มุ่งสู่สตาร์ทอัพ AI

  • ในช่วงปี 2024 การออกจากตลาด เช่น การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นหรือการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงก่อนปี 2021 โดยในปี 2024 มีการบันทึก IPO ที่โดดเด่นเพียงไม่กี่แห่ง เช่น Reddit, Astera Labs, และ Tempus AI รวมถึง IPO ทั้งหมด 230 รายการ (ลดลง 28% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) และการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) มีการทำดีลทั้งหมด 6,252 รายการ ลดลงเล็กน้อยเพียง 0.4% อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม IPO ในปี 2025 ดูสดใสขึ้น โดยมีชื่อเด่นอย่าง Klarna, Revolut, และ Databricks ที่กำลังเตรียมเข้าตลาดหุ้น

  • เมื่อมูลค่าของบริษัทในตลาดทุนสาธารณะ (ตลาดหุ้น) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้มูลค่าของบริษัทเอกชนปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่สนใจอย่าง AI ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าที่สูงอยู่แล้วจากความต้องการของตลาดและการลงทุนจำนวนมาก


การเติบโตของทุนสนับสนุนและจำนวนดีลในประเทศไทย

การระดมทุนในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2018-2023 โดยมีปี 2022 เป็นจุดสูงสุดที่มูลค่าการระดมทุนเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจำนวนดีลในประเทศไทยสะท้อนถึงการเติบโตของ Startup Ecosystem ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม E-commerce และ Fintech ที่มีบทบาทสำคัญ



บทบาทของ CVC และ VC:

  • การลงทุนในประเทศไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจาก CVC (Corporate Venture Capital) ภายในประเทศ เช่น ธนาคารและบริษัทใหญ่ที่ลงทุนใน Startup เพื่อเร่งการเติบโตในอุตสาหกรรมของตน

  • นักลงทุน VC ระดับภูมิภาคก็เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ ส่งผลให้ Startup ไทยสามารถดึงดูดเงินทุนในระดับที่สูงขึ้น


ดีลที่สำคัญในปี 2024:

  • ในปี 2024 มีบริษัทที่สามารถดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น Ascend Money, Amity, Freshket, HD, และ Cryptomind ซึ่งสะท้อนถึงความน่าสนใจในหลากหลายอุตสาหกรรม


แนวโน้มตลาดทุนของไทย:

  • การระดมทุนในอุตสาหกรรม Fintech และ E-commerce ยังคงเป็นจุดเด่น โดยเฉพาะบริษัทที่มีศักยภาพสูง เช่น Opn และ Pomelo ที่สามารถดึงดูดการลงทุนจำนวนมาก


สรุป

ระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีด้วยความร่วมมือจากนักลงทุน ภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการ หากยังคงรักษาความก้าวหน้าและสนับสนุนการเติบโตเชิงนวัตกรรม ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาคในอนาคต


—--------------------------------------------------------


Source:

https://www.startupblink.com/startup-ecosystem/thailand?page=1
https://www.bangkokpost.com/business/general/2889297/researcher-offers-pointers-on-shaping-a-startup-nation
https://www.morningstar.com/markets/13-charts-stocks-bonds-q3-roller-coaster-rallies https://foundershield.com/blog/tech-ipos-2024/?utm_source https://www.cmri.or.th/uploads/images/1680512022CapSnap-7_3_Apr_2023.pdf?utm_source 

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Reject
Accept