ปลดล็อกศักยภาพ Staking ด้วยเทคโนโลยี DVT ของ SSV Network

Alon Muroch (CEO ของ SSV Network) และ Rishi Ramchandani (Head of APAC Web3 specialist team ของ Google ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ได้พูดคุยเกี่ยวกับ Distributed Validator Technology (DVT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกระจายศูนย์การทำงานของ Validator ในระบบ Proof-of-Stake (PoS) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ Ethereum รวมถึงแนวทางของ SSV Network ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Staking ในงาน REDeFiNE TOMORROW 2024

รู้จัก SSV Network 

• SSV Network โปรโตคอล Decentralized Autonomous Organization (DAO) ที่พัฒนาบนพื้นฐาน Distributed Validator Technology (DVT) ที่ออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ Staking บน Ethereum อย่างปลอดภัยในระบบกระจายศูนย์
  
  
• SSV Network เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสามารถจัดการ ETH เกือบ 700,000 ETH (คิดเป็นกว่า 2% ของเครือข่าย) ภายในเวลาเพียง 5 เดือน

DVT ของ SSV Network ทำงานอย่างไร?

• ผสมผสานเทคโนโลยี Consensus Protocols และ Threshold Signatures โดยเปิดให้กลุ่มผู้ประกอบการทำงานร่วมกันและลงนามในบทบาท Validator โดยไม่ต้องเปิดเผยการตั้งค่า DVT บน Blockchain
  
  
• คุณสมบัติสำคัญ
  
  
• ออกแบบให้เหมาะกับนักพัฒนา โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานส่วนตัวและเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการหลายร้อยรายได้ง่าย
  
  
• “Zero coordination” สามารถรันชุด Validator แบบกระจายศูนย์ได้ง่ายขึ้น

กลยุทธ์การเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จของ SSV Network

• SSV Network มุ่งเน้นไปที่กระบวนการ Onboarding ให้นักพัฒนาและผู้ประกอบการก่อนที่จะเปิดตัว (ให้ทุนสนับสนุนและให้เข้าถึง Testnet)
  
  
• เปิดตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยค่อยๆ เปลี่ยนจากแบบ Permissioned เป็น Permissionless เพื่อการเปิดตัวที่ราบรื่น
  
  
• กลยุทธ์ทั้งหมดส่งผลให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขัดเกลาและเชื่อถือได้เมื่อเปิดตัวจริง

SSV Network เติบโตอย่างรวดเร็ว

• SSV Network สามารถทำยอด Validators ได้ถึง 2,000 ภายในเดือนแรก จนสามารถดึงดูดนักพัฒนาให้มาสร้างบน SSV มากขึ้นเรื่อยๆ 
  
  
• Alon เชื่อว่าการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีใหม่และมีสิ่งจูงใจที่เหมาะสมจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนและผลักดันให้เกิดการยอมรับได้ในที่สุด ซึ่ง DAO ของ SSV มุ่งมั่นที่จะเร่งการนำ DVT ไปใช้ผ่านโครงการสร้างแรงจูงใจอย่างเหมาะสม

มุมมองอนาคตของ SSV Network

• Alon เชื่อว่า SSV มีศักยภาพที่จะ Staking ETH ได้ถึง 1-1.5 ล้านเหรียญภายในสิ้นปี และส่งผลให้ SSV เป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน Ethereum
  
  
• เพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น SSV จำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เช่น การแนะนำนักพัฒนาให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจาก SSV หรือการตั้งค่า Cluster และการทำงานร่วมกันที่เหมาะสม

การเพิ่มขึ้นของ Restaking สร้างโอกาสใหม่ๆ 

• การเกิดขึ้นของ Restaking สร้างวิธีใหม่ในการใช้เงินทุนที่มีอยู่ และจุดประกายการแข่งขันระหว่างโปรโตคอลต่างๆ เพื่อดึงดูด ETH ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาด และเป็นประโยชน์ต่อแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นนักพัฒนาอย่างเช่น SSV Network
  
  
• ทั้ง Restaking และ Staking ต่างเป็นตัวเร่งสำคัญให้ ETH ใหม่เข้ามาสู่ SSV ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025
  
  
• ด้าน SSV เองก็กำลังดำเนินการ Onboarding โปรโตคอล Restaking ชั้นนำ เช่น Lido, Rocketpool, Frax อย่างจริงจัง

การลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเพื่อการเติบโตและเป้าหมายการพัฒนาของ SSV

• SSV ให้ความสำคัญกับการนำมาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมมีการตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งโปรโตคอลหลักและเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง โดย SSV จะได้รับการตรวจสอบก่อนเปิดตัวและต้องใช้เวลาในการขัดเกลาทั้งโปรโตคอลหลักและเครื่องมือโดยรอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
  
  
• ทีมคาดการณ์ว่าจะรองรับ ETH หลายล้านที่ Stake ผ่าน SSV ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยพยายามให้พร้อมรองรับการเติบโตของเครือข่ายให้สามารถจัดการ Validator ประมาณ 200-300k ตัวได้ พร้อมกับสามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงเครื่องมือต่างๆ และสนับสนุนผู้ใช้ 
  
  
• เมื่อมีการเพิ่มจำนวน Validator เป็นจำนวนมาก ทั้งค่า Gas, ค่าใช้ทรัพยากรเครือข่าย และการติดต่อกับ Smart Contract จะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องรับมือ ซึ่ง SSV กำลังแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างราบรื่น​ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 5 ล้าน ETH ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ความเข้ากันได้ของ DVT กับการพัฒนา Ethereum ในอนาคต

• Beacon Chai (เครือข่ายรากฐานสำหรับ Staking) ของ Ethereum ถูกออกแบบมาให้รองรับ Multi-party Computation (MPC) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับเทคโนโลยีอย่าง DVT ให้ทำงานได้ราบรื่น ซึ่งการออกแบบนี้ช่วยให้ผลกระทบของการพัฒนา Ethereum ในอนาคตต่อเทคโนโลยี DVT มีน้อย ตราบใดที่ Validators ใช้การเซ็นชื่อแบบ Data blobs เป็นหลัก
  
  
• แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทของ Validator ในอนาคต ก็อาจส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยี DVT และอาจจำเป็นต้องปรับการทำงานของ DVT ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของ Ethereum อย่างใกล้ชิด

รับชมทั้งหมดที่ Youtube: https://youtu.be/3hFrnNNQWkE?si=0OeIQnaaiK7DwApn