บนเส้นทางสู่ AI ระดับมนุษย์: ศักยภาพ ความเป็นไปได้และความท้าทาย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราเห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยี AI ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้นำไปสู่การพัฒนา Model ต่างๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จนกลายเป็นเครื่องมือที่เรานำมาใช้ในชีวิตและการทำงานของเราเป็นประจำไปแล้ว McKinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก รายงานว่า 72% ขององค์กรทั่วโลกได้นำ AI มาใช้ในอย่างน้อยหนึ่งหน้าที่ทางธุรกิจ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนๆ ไม่มีเทคโนโลยีไหนเลยนอกจากอินเทอร์เน็ต ที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตของเรามากเท่านี้
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี AI จะก้าวหน้าอย่างมาก แต่ศักยภาพในการพัฒนายังคงเปิดกว้าง หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม คือการสร้าง AI ที่มีปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ หรือเหนือกว่า ซึ่งจะเป็น AI ที่สามารถทำงานอะไรก็ตามที่มนุษย์สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือ สิ่งนี้เป็นไปได้จริงหรือไม่? และหากเป็นไปได้ เราจะสร้าง AI ที่มีความสามารถระดับนี้ได้อย่างไร? บทความนี้จะสำรวจความเป็นไปได้ ความท้าทาย และแนวทางในการพัฒนา AI
จะรู้ได้อย่างไรว่า AI มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์?
แม้ว่า AI จะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่การกำหนดและวัดระดับปัญญายังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เราจะเปรียบเทียบระดับทักษะของ AI ว่ามีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ได้อย่างไร ในเมื่อมนุษย์และ AI นั้นมีกระบวนการคิดและการทำงานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งในบทความ “Human-Level Artificial Intelligence? Be Serious!” ของ Nils J. Nilsson เสนอแนวทางปฏิบัติสำหรับปัญหานี้ โดยเสนอว่า AI ที่นับว่าแสดงให้เห็นถึงปัญญาระดับมนุษย์อย่างแท้จริง ควรจะสามารถทำงานอะไรก็ตามได้ทุกอย่างที่มนุษย์สามารถทำได้ ซึ่งรวมถึงงานที่คนทั่วไปทำในแต่ละอาชีพ การทดสอบ AI กับงานเหล่านี้จะช่วยให้สามารถประเมินความฉลาดของ AI ได้ โดยเปรียบเทียบความสามารถของมันกับมนุษย์
แนวทางของ Nilsson แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจาก Turing test แบบเดิม ที่มุ่งเน้นไปที่ความสามารถของเครื่องจักรในการเลียนแบบการสนทนาของมนุษย์ได้อย่างน่าเชื่อถือ ในทางกลับกัน การทดสอบการจ้างงานเน้นย้ำถึงความสามารถเชิงปฏิบัติของระบบ AI และความสามารถในการทำงานจริงในโลก มุมมองนี้ให้วิธีการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในการวัดปัญญาของ AI และเน้นย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก AI ต่อกำลังแรงงานและสังคม การมุ่งเน้นไปที่การใช้งานจริงของ AI ได้ ซึ่งคำว่า “Intelligence” (สื่อถึงคำว่า “ปัญญา” ที่อยู่ใน “ปัญญาประดิษฐ์”) ในนิยามของ Nilsson นั้น สนับสนุนการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายกับสังคมได้ แนวทางนี้ยังก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของการทำงานและบทบาทของ AI ในสังคมมนุษย์ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายและการวิจัยเพิ่มเติมในด้านเหล่านี้อีกด้วย
AI เก่งเท่ามนุษย์ใกล้ความเป็นจริงหรือยัง ส่องมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ
จากบทความของ Cointelegraph เกี่ยวกับ AI ระดับมนุษย์ Dario Amodei CEO ของ Anthropic เชื่อว่าความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านความสามารถของ AI บ่งชี้ว่า AI ระดับมนุษย์ หรือที่เรียกว่า Artificial General Intelligence (AGI) จะสามารถพัฒนาขึ้นมาได้เร็วที่สุดภายในปี 2026 หรือ 2027 โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า AI ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยสามารถพัฒนาโมเดลที่มีความรู้ระดับมัธยมปลาย เป็นระดับปริญญาตรี และตอนนี้เป็นระดับปริญญาเอก ได้สำเร็จในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากแนวโน้มนี้ เขาคาดการณ์ว่า AI จะสามารถเข้าถึงและแม้กระทั่งเกินความสามารถของมนุษย์ได้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม Amodei ยอมรับถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับไทม์ไลน์นี้ รวมถึงข้อจำกัดในด้านข้อมูลและกำลังการประมวลผล ตลอดจนปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เขายังเน้นย้ำถึงข้อพิจารณาทางจริยธรรมเกี่ยวกับ AGI โดยระบุว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่” และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรับรองว่า AI ได้รับการพัฒนาและใช้อย่างมีความรับผิดชอบ แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ Amodei ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของ AI และเชื่อว่าบริษัทต่างๆ เช่น Anthropic และ OpenAI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าไปในทิศทางที่มีจริยธรรมและความรับผิดชอบ มุมมองของ Amodei สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่เพิ่มขึ้นในชุมชน AI ว่า AGI ไม่ใช่ความเป็นไปได้ที่ห่างไกลอีกต่อไป แต่เป็นความเป็นไปได้ที่ใกล้เข้ามา
ในขณะเดียวกัน Sam Altman CEO ของ OpenAI ก็มีมุมมองที่คล้ายกันเกี่ยวกับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ AI ไปสู่ปัญญาระดับมนุษย์ โดยเขาคาดการณ์ว่า AGI ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือระบบ AI ที่ตรงหรือเกินความสามารถของมนุษย์ในงานด้านความรู้ความเข้าใจต่างๆ สามารถทำได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Altman เชื่อว่า OpenAI กำลังอยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ภายในห้าปีข้างหน้า โดยพิจารณาจากอัตราการพัฒนาฮาร์ดแวร์ในปัจจุบัน ซึ่งทั้งสองความเห็นนี้ก็บ่งชี้ได้ว่า Altman และ Amodei ก็ต่างมีมุมมองไปในด้านที่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ในการเข้าถึงปัญญาระดับมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้
มุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับอนาคตของ AI
ไม่ใช่ทุกคนที่มองว่า AGI จะมาถึงอย่างรวดเร็ว ในบทสัมภาษณ์ของคุณ Andrew Ng บุคคลสำคัญในด้าน AI โดยบริษัท Techsauce โดยเขาชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ “Agentic AI” ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนา AGI ระบบ agentic AI มีแนวทางการแก้ปัญหาที่คล้ายมนุษย์มากขึ้น โดยจะแบ่งงานที่ซับซ้อนออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่จัดการได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น AI ที่สามารถเขียนเรียงความได้โดยเริ่มจากการร่างโครงร่าง วิจัยข้อมูล ร่างเนื้อหา และปรับแก้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับความซับซ้อนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม Ng เน้นย้ำว่า AGI ที่แท้จริง ซึ่งหมายถึง AI ที่มีความสามารถทางปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ อาจต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีหรือนานกว่านั้น แม้เขาจะยังหวังว่า AGI จะเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เขาก็ยอมรับว่ายังมีความท้าทายอีกมากมาย ซึ่งทำให้อนาคตของเทคโนโลยีนี้ยังคงไม่แน่นอน
AI ระดับมนุษย์: อนาคตแห่งความหวังและความไม่แน่นอน
ความก้าวหน้าอันรวดเร็วของ AI กำลังสร้างความตื่นเต้นและก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในแวดวงเทคโนโลยี บางฝ่ายเชื่อว่า AGI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ระดับมนุษย์นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม คาดการณ์กันว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทว่าอีกหลายฝ่ายก็ยังคงกังวล มองว่ายังมีอุปสรรคอีกมากมายที่ต้องเผชิญ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ไม่ว่า AGI จะมาถึงเมื่อไหร่ ผลกระทบต่อสังคมและอุตสาหกรรมนั้นคงจะมหาศาล และนั่นทำให้เราต้องหันมาพิจารณาอย่างจริงจังถึงประเด็นด้านจริยธรรม และแนวทางการพัฒนาที่ต้องมีความรับผิดชอบ แม้เทคโนโลยี AI จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่คำถามสำคัญก็คือ AI จะสามารถพัฒนาไปถึงขั้นที่ฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ได้จริงหรือไม่ และนั่นยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป
-----------------------------------
แหล่งที่มา :
https://cointelegraph.com/news/human-level-ai-as-early-as-2026-anthropic-ceo
https://ai.stanford.edu/~nilsson/OnlinePubs-Nils/General%20Essays/AIMag26-04-HLAI.pdf