การเปลี่ยนแปลงจาก Web2 ไปยัง Web3 กับเรื่องของ NFTs ศิลปะดิจิทัล และเกม

“James Zhang” ศิลปินและผู้นำระดับแนวหน้า Founder & CEO จาก Concept Art House ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการด้านศิลปะที่โด่งดังที่สุดในอุตสาหกรรมเกม ครั้งนี้ SCB 10X จะพาไปพบกับมุมมองและประสบการณ์การทำงานของเขาที่ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อตัดสินใจเข้าสู่โลกของ Web3 และ Metaverse 

เหตุใดจึงคิดว่าการเข้าสู่ Web3 เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

James Zhang เป็นศิลปินต้นคิดไอเดียระดับแนวหน้า มีความสามารถด้านศิลปะที่โดดเด่น อยู่เบื้องหลังคอนเซปต์เกมดังอย่าง Star Wars และได้ก่อตั้งบริษัทที่ได้สร้างเรื่องราวขึ้นมามากมายพร้อมกับงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ในระยะเวลาหลายปีที่ทำงานและให้บริการคุณภาพระดับสูงมานั้น เขาได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหามากมายและพบว่าปัญหาหนึ่งคือ ไม่สามารถที่จะถือครองมูลค่าหรือส่งเสริมศิลปินได้อย่างแท้จริง แต่การมาของ Web3 ได้สร้าง Disruption และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้งานที่ผลิตต้องเป็น Digital Scarcity หรือมีจำนวนจำกัด ซึ่งก็คือ NFTs โดยงานศิลปะทั้งหมดที่ทำจะมีเอกลักษณ์เฉพาะและไม่ใช่แค่เป็น jpeg อีกต่อไป แต่สามารถเป็นเจ้าของภาพหรืองานศิลปะและสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์เกมได้อีกด้วย โดย Disruption ครั้งใหญ่จาก Web3 ก็ได้พลิกโฉมธุรกิจ ซึ่งเขาและทีมได้เปลี่ยนมาทำงานอยู่ใน Web3 ช่วงต้นปี 2021 และได้เริ่มการเริ่มระดมทุนซึ่งมีผู้สนใจเข้ามามากมาย เป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่าทักษะทั้งหมดที่พวกเขาได้ฝึกฝนและสะสมจากการทำงานมาหลายปีนั้นมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับ Web3 เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนเรื่องศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีและเกม 

โมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีที่ใช้ทำงานมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเช่นในแง่มุมของนักเล่นเกมที่แนวคิดของการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในเกมเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก โดยทางบริษัทของเข้าได้เลือกเข้าร่วมมือกับบริษัทเกมด้วยกันสามกลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นบริษัทเกมที่อยู่ใน Web2 แต่ต้องการเข้าสู่ Web3 และมีแนวคิดที่เหมือนกันเกี่ยวกับการเล่นเกม ซึ่งกุญแจของแนวคิดที่สำคัญเพื่อเข้าสู่ Web3 คือต้องมีความเข้าใจใน Tokenomics และเข้าใจในการสร้างคุณค่าเป็นอย่างดี 

ส่วนบริษัทเข้าร่วมกลุ่มที่สองเป็นบริษัทที่เป็นคริปโตโดยธรรมชาติและอยู่ใน Web3 มาก่อน เพื่อสนับสนุนการใช้ NFT และร่วมสร้างโปรเจกต์ที่สร้างสรรค์ต่างๆ ออกมา ส่วนกลุ่มที่สามเป็นแบรนด์และผู้มีชื่อเสียง ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าแบรนด์ดังและผู้มีชื่อเสียงมีเหตุผลมากมายที่ต้องการเข้ามาใน Web3 หรือการใช้ NFT จากที่ได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้ ซึ่งกลุ่มแบรนด์และผู้มีชื่อเสียงย่อมต้องการคนมาช่วยสร้างผลงานหรือต้องการศิลปินที่มีความสามารถมาช่วยสร้างผลงาน ซึ่งบริษัทของเขาก็ได้ร่วมงานกับแบรนด์และผู้มีชื่อเสียงเช่นกัน

การเปลี่ยนผ่านสู่ Web3 เมื่อบริษัทใหญ่พบกับ Disruption ครั้งสำคัญ

James ให้ความเห็นกับอุตสาหกรรมเกม โดยเฉพาะบริษัทที่ให้บริการบนอุปกรณ์ Mobile สามารถเปลี่ยนผ่านสู่โลกคริปโตได้ง่ายกว่า โดยเรียนรู้จากการเล่นเกมที่ให้บริการฟรีและนำไปประยุกต์ให้กลายเป็นการเล่นเกมแบบ Play To Earn รวมถึงให้ความสำคัญกับตลาด NFT ซึ่งไม่แปลกที่บริษัทเกมค่ายใหญ่ที่ทำบนอุปกรณ์ Mobile ต่างกำลังให้ความสนใจที่จะเข้าสู่โลก Web3 หลากหลายองค์กร  

ความท้าทายเมื่อต้องเปลี่ยนแปลงจาก Web2 มาสู่ Web3

บริษัทของ James มีผลประกอบการที่ดีและมุ่งเน้นไปที่คุณภาพงานระดับสูง ซึ่งเขาและทีมได้ทำงานอยู่กับระบบเดิมและอยู่กับลูกค้าและคอนเน็กชัน ต่างๆ มาเป็นระยะเวลานาน 

จากนั้นได้เข้าสู่โลก Blockchain โดยใช้เวลาประมาณ 4 ปีเพื่อเรียนรู้และมีการลงทุนส่วนตัวมากมาย และเพื่อให้บริษัทได้เติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ จึงได้มีการระดมทุนเพื่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆ และสร้างทีมที่ดีขึ้น มีการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการทำงานใหม่ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการแยกทางกับลูกค้าเก่าใน Web2 ที่ร่วมงานกันมาเป็นเวลานาน เนื่องจากเมื่อเข้าสู่ Web3 ทำให้ทิศทางการทำงานไม่สามารถไปต่อด้วยกันได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากและท้าทายมากที่ต้องแยกกับลูกค้าและคอนเน็กชันที่คุ้นเคยและร่วมงานกันมานานเหล่านี้ 

นอกจากนี้ มีการหาทีมใหม่เพื่อดูเรื่องของ Smart Contract และ Tokenomics หรือการออกแบบ NFT ซึ่งล้วนเป็นชุดทักษะที่ใหม่มากและทุกคนที่อยู่ใน Web3 อาจทราบดีถึงความท้าทายในการหาผู้เข้ามาร่วมงานที่มีทักษะดังกล่าว 

รวมถึงยังต้องมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจอย่างแท้จริง โดยเขาและทีมได้เรียนรู้อย่างมากจากลูกค้าและพันธมิตรที่ทำงานร่วมกัน ได้เห็นถึงความท้าทายที่เกิดขึ้น จึงอาศัยการเรียนรู้จากพันธมิตรทางธุรกิจเหล่านี้ 

แนวคิดและสิ่งที่น่าสนใจของ Metaverse ในมุมมองของ James Zhang

James มอง Metaverse ในหลายแง่มุม ยกตัวอย่างเช่นในมุมของผู้บริโภค เขาก็ได้ศึกษาจากหนังสือและภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของ Metaverse อย่าง Snow Crash ที่หลายคนก็คิดไปในทิศทางเดียวกัน โดยปัจจุบันเขาคิดว่า Metaverse สามารถใช้งานได้อย่างที่หลายคนจินตนาการ ยกตัวอย่างเช่น Roblox ที่สามารถสร้างสรรค์ เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ เชื่อมต่อกับผู้คน รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าและสร้างธุรกิจได้ขึ้นมาได้ 

ด้านความแตกต่างสำคัญระหว่าง Metaverse บน Web3 และ Web2 คือเรื่อง ‘Ownership’ โดย Web2 เป็นระบบ Centralized แต่ Web3 เป็น Decentralized และ Metavesre อาจมีมุมมองที่แตกต่างออกไป อย่างเช่น Metaverse ที่สร้างสำหรับการชอปปิง เช่น Metaverse สำหรับรองเท้าและรถยนต์ ซึ่งมีอีกหลายรูปแบบที่เป็นไปได้นอกเหนือจากนี้ อย่างไรก็ตาม Metaverse เป็นช่วงที่ทุกอย่างยังใหม่มากและกลายเป็น Buzzword ที่ผู้คนต่างกล่าวถึงกันอย่างมาก ดังนั้นหากต้องการสร้างบางอย่างหรือเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับ Metaverse เขาแนะนำว่าให้มุ่งเน้นไปที่เรื่องของเครื่องมือและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในที่ที่เน้นเรื่อง Metaverse อย่างแท้จริง

โดยสรุป Metaverse เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและยังใหม่มาก และเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ของโอกาสในการสร้างรายได้ เมื่อดูตัวอย่างจากยุคของ Web2 ที่ทำอะไรได้มากมายและเดินทางมาไกล ซึ่ง Web3 ก็ยังมีหนทางอีกยาวไกลและมีอะไรอีกมากมายที่สามารถทำได้ พร้อมทั้งมีแนวคิดสำคัญที่น่าสนใจ คือเรื่องของความเป็นเจ้าของ (Ownership) และที่ดิน (LAND) 

ส่วนแนวคิดที่ Metaverse เป็นโลกเสมือนจริงแบบดิจิทัลที่ถ่ายทอดมาจากโลกความจริง หมายความว่าคุณสามารถใช้จินตนาการเพื่อสร้างสิ่งเสมือนจริงบนโลก Metaverse อย่างไร้ข้อจำกัดได้ หรือสามารถสร้างอะไรที่บนโลกความจริงทำไม่ได้ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้ปลดล็อกจินตนาการเพื่อสร้างสิ่งที่ต้องการและเพิ่มความสนุกสนานเข้าไป และสุดท้ายก็จะนำมาซึ่งโอกาสด้านอาชีพมากมายสำหรับคนที่มีทักษะ

คำแนะนำถึงผู้ที่สนใจเข้ามาในโลก Metaverse หรือ Crypyo  

จากที่หลายคนได้เห็นกันว่าในโลกคริปโตมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีหรือมีความเสี่ยงอยู่มากมายอย่างเช่น Rug Pull ดังนั้นผู้ที่สนใจจึงควรหาเพื่อนหรือพันธมิตรในวงการนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมองหาทีมที่ดีที่สุดที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี รวมถึงมองการณ์ไกลไม่ใช่เพียงต้องการเข้ามาเพราะกระแสที่กำลังร้อนแรงเท่านั้น