เทรนด์ ‘Web 3.0’ ที่น่าจับตามองปี 2023
Web 3.0 หรือยุคที่สามของอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในระหว่างการเริ่มต้นสร้างเป็นส่วนใหญ่ มีสตาร์ทอัพขนาดเล็กไปจนถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต่างเข้ามาติดตามการพัฒนาเครื่องมือและทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีระดับสูงของ Web 3.0 เพื่อนำมาพัฒนาให้ผู้บริโภคและหน่วยงานเอกชนสามารถใช้ความสามารถเหล่านี้ได้อย่างอิสระมากขึ้น
โดยความสามารถเชิงลึกของ Machine Learning และ Artificial Intelligence (AI) หรือ Decentralization ถูกนำมาใช้เป็นรากฐานสำคัญของ Web 3.0 ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Web 3.0 ยังมีอีกหลายแง่มุมที่ต้องเรียนรู้เพื่อการนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า อินเทอร์เน็ตจะเป็นมากกว่าพื้นที่สำหรับการสื่อสารแบบมัลติมีเดีย แต่จะกลายเป็นพื้นที่โลกเสมือนจริงที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกหลากหลายประเภทเพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ผู้ใช้รูปแบบใหม่
ข้อถกเถียงและความท้าทายบนการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Web 3.0
เบื้องหลังความทันสมัยและการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Web 3.0 เกิดประเด็นถกเถียงที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรที่มากเกินไปหรือปัญหาด้านความยั่งยืน จนนำมาสู่การต่อต้านจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม
ปัญหาการสิ้นเปลืองพลังงานของ Web 3.0 และ Blockchain เป็นปัญหาที่น่ากังวลและเป็นความท้าทายสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin Blockchain ที่ใช้ไฟฟ้าประมาณ 204.5 TWh ในทุกปี ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศที่มีขนาดเท่ากับประเทศไทย
นอกเหนือจากนี้ ยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยที่ยังรอการพัฒนาอีกมากมายและยังหาคำตอบไม่ได้ในหลายกรณี และด้วยการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขวางความสำเร็จของการนำ Web 3.0 สู่การใช้งานในวงกว้างในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ในปีต่อไปที่กำลังมาถึงคาดว่าจะมีการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นมากมายที่สามารถช่วยปรับปรุงและขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ หรือ Web 3.0 ให้ก้าวไปสู่อีกขั้น โดยมีเทรนด์ที่น่าจับตามอง ดังต่อไปนี้…
- เกิดความก้าวหน้าของ “Decentralized Social Networks” และเทรนด์เทคโนโลยี Decentralized
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดการพิจารณาและถกเถียงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทหรือการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากผู้บริโภคและหน่วยงานต่างๆ มีความกังวลเกี่ยวกับขอบเขตของอำนาจและการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคและข้อมูลอื่นๆ ของบริษัทเหล่านี้ ซึ่งหนึ่งในจุดประสงค์หลักของ Web 3.0 คือการทำให้เกิดยุคใหม่ของโซเชียลมีเดียและโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีการกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์
สำหรับด้านเทคโนโลยีที่สร้างระบบ Decentralized สำคัญคือ Blockchain ซึ่งใช้หลักการเทคโนโลยี Peer-to-Peer (P2P) ที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางใน Web 3.0 จึงทำให้ความเป็นเจ้าของ (Ownership) เกิดการกระจายไปยังกลุ่มนักสร้างและผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่ แทนที่อินเทอร์เน็ตแบบเดิมที่มีหน่วยงานแบบรวมศูนย์หรือ Centralized ควบคุมดูแลและเป็นเจ้าของ
- เกิดความพยายามในการพัฒนาด้านความยั่งยืน (Sustainability)
ปี 2023 เราอาจได้เห็นนักพัฒนาและผู้ที่เชื่อใน Web 3.0 มุ่งหน้าปรับปรุงและเพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศ ซึ่งตลอดระยะเวลาของการพัฒนามีทั้งกลุ่มภาคประชาสังคมด้านสภาพอากาศและผู้มีชื่อเสียงด้าน Web 3.0 ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานของ Web 3.0 และเทคโนโลยี Blockchain มากขึ้นเพื่อหาทางออกในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม
มีหนึ่งกรณีศึกษาที่โดดเด่นของความพยายามในการสร้างระบบให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมล่าสุด คือ Ethereum ‘The Merge’ โดยมีการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน Blockchain จาก Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้พิสูจน์ว่าสามารถลดการใช้พลังงานของเครือข่ายได้มากกว่า 99.95%
โดยในปี 2023 นี้เราอาจได้เห็นความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศมากขึ้นจากทั้งบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่กระโดดเข้าสู่ Web 3.0
- “Brands As A Service” โอกาสใหม่ในการขยายบริการของแบรนด์และธุรกิจ
แบรนด์และธุรกิจต่างๆ สามารถกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของตนได้ใน Web 3.0 เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้างและช่วยให้การประชาสัมพันธ์โดยรวมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วย BASS หรือ Brands As A Service เทรนด์ใหม่ในเทคโนโลยี Blockchain และเป็นเทคโนโลยี Cloud-Based Service ที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกับ Blockchain เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล
- ความจำเป็นในการใช้ Code ที่ซับซ้อนบนซอฟต์แวร์น้อยลง
ในอนาคตข้างหน้าเราอาจได้เห็น Web 3.0 ลดความจำเป็นในการใช้ Code ที่ซับซ้อนเพื่อเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปและผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ใช้ Code เขียนโปรแกรมสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้สะดวกขึ้นด้วยการใช้วิธี Drag-And-Drop หรือลากแล้ววาง ซึ่งมีการใช้อยู่ในปัจจุบันบนเว็บไซต์สำหรับสร้างซอฟต์แวร์และอื่นๆ แต่ Web 3.0 จะช่วยปรับปรุงระบบที่มีอยู่และ User Interface รวมถึงปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวม และเมื่อต้องเขียน Code บนซอฟต์แวร์น้อยลงหรือไม่ต้องเขียน Code จึงช่วยให้ธุรกิจและสตาร์ทอัพได้รับประโยชน์หลายประการ โดยเฉพาะช่วยให้เข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างอิสระเพื่อส่งเสริมการปรับขยายการดำเนินงานและการเข้าถึงลูกค้า
- Web 3.0 ที่เหมาะสมกับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
หากในอนาคตการปรากฏตัวของ Web 3.0 มีความชัดเจนขึ้น เราอาจเห็นความสนใจจากภาครัฐและหน่วยงานระดับประเทศในการพัฒนานโยบายหรือข้อบังคับที่สามารถช่วยสร้างให้ Web 3.0 ทำงานได้ดีขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
แม้ว่า Web 3.0 เป็นเทรนด์ที่ถูกผลักดันในระดับโลกเพื่อเป็นความหวังของการสื่อสารยุคใหม่ แต่ภูมิภาคต่างๆ จะควบคุมกฎระเบียบทางกฎหมายในท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการยอมรับเครื่องมือซอฟต์แวร์แบบบูรณาการจากวงกว้าง ซึ่งปัจจุบันเราได้เห็นว่าหลายประเทศต่างยอมรับความสามารถของ Web 3.0 เทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrencies จนนำไปสู่การพัฒนาที่ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม เช่น สกุลเงินดิจิทัล หรือแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าภาครัฐจะมีการออกกฎข้อบังคับไปในทิศทางใด แต่พื้นฐานของ Web 3.0 คือการเข้าถึงที่ยุติธรรม เท่าเทียมกันและมีความยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ทุกคนทั่วโลก
- เทคโนโลยีเว็บแบบสามมิติ (3D Interactive Web Technology) ต่อยอดประสบการณ์เสมือนจริง
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของเทรนด์ที่คาดว่าจะเกิดและมีการปรับปรุงการใช้งานเพิ่มขึ้นในอนาคต คือ เทคโนโลยีเว็บแบบสามมิติ หรือ 3D Interactive Web Technology ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้บน Web Browser ผ่านการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่น มีตัวตนเสมือนจริง (Virtual Identity) หรือ Avatar และการปฏิสัมพันธ์ รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ ที่จะมีการใช้งานมากขึ้น
โดยการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้แบบสามมิติมีการพัฒนามาอย่างยาวนาน แต่ครั้งนี้บริษัทเทคโนโลยีกำลังก้าวไปอีกขั้นเพื่อช่วยและรวมองค์ประกอบเหล่านี้ไว้ใน Web 3.0 ในหลากหลายแง่มุม เช่น เกม ไดเร็กทอรีออนไลน์ และ eCommerce เป็นตัน ซึ่งการปรับปรุงประสบการณ์สามมิติให้ดีขึ้นช่วยทำให้ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคสามารถสื่อสารและโต้ตอบกันได้ดียิ่งขึ้นภายในระบบนิเวศ Web3
แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่กำลังดำเนินการพัฒนาอยู่และมีการใช้งานจริงปัจจุบัน แต่ในอนาคตเราก็อาจได้เห็นความน่าตื่นเต้นของประสบการณ์สามมิติที่ปรับปรุงไปสู่ระดับที่สูงขึ้นหรือมีการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้ได้สัมผัสประสบการณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก Hackermoon, Analytics Insight, Forbes