ถอดบทเรียนรัฐบาลสหราชอาณาจักร กับแผนสู่ผู้นำด้าน AI ที่ต้องได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน

Key Takeaways
- รัฐบาลสหราชอาณาจักรเร่งผลักดัน AI เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความเชื่อมั่นของประชาชน
- ผลสำรวจของ Ipsos UK พบว่าความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ AI แบ่งเป็นสองฝ่าย โดย 29% เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ 26% กังวลเรื่องผลกระทบเชิงลบ
- รัฐบาลเลือกที่จะไม่ลงนามในข้อตกลงระหว่าง 60 ประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ
- อนาคตของ AI ในสหราชอาณาจักรขึ้นอยู่กับการสร้างความไว้วางใจผ่านนโยบายที่โปร่งใส และการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความมั่นคง
การพัฒนาเทคโนโลยี AI ทั่วโลกกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลสหราชอาณาจักรเป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังมุ่งวางแผนก้าวเป็นผู้นำด้าน AI เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางเศรษฐกิจและความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของกลยุทธ์ AI ของสหราชอาณาจักร คือ "ความเชื่อมั่นของประชาชน" ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญและท้าทายอย่างยิ่ง
รัฐบาลสหราชอาณาจักรกับเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้าน AI
- รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้กำหนดทิศทางเชิงรุกในการพัฒนาและใช้ AI โดยมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ อย่างไรก็ตาม ชาวอังกฤษยังมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และการใช้งานในภาครัฐ ซึ่งหมายความว่าการสร้างนโยบายที่โปร่งใสและครอบคลุมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้
- Ipsos UK ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของประชากรชาวอังกฤษที่มีอายุ 18-75 ปี จำนวน 2,248 คน ทั่วสหราชอาณาจักร โดยเป็นการสัมภาษณ์ทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า 3 ใน 10 (29%) เชื่อว่า AI จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่ 26% คาดการณ์ว่าจะเกิดผลกระทบในเชิงลบ และ 23% มองว่า AI จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งความคิดเห็นที่แบ่งเป็นสองฝ่ายนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร
“ความมั่นคง” เป็นหัวใจสำคัญการกำกับดูแล AI บนเวทีโลกของสหราชอาณาจักร
- สหราชอาณาจักรแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI ระดับนานาชาติ โดยปฏิเสธที่จะลงนามในข้อตกลงด้าน AI ระหว่าง 60 ประเทศ เนื่องจากมองว่าขาดแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการควบคุม และอาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เปลี่ยนชื่อสถาบัน "AI Safety Institute" เป็น "AI Security Institute" สะท้อนถึงความสำคัญของความมั่นคงทางไซเบอร์เหนือกว่าผลกระทบทางสังคมของ AI
- การปฏิเสธเข้าร่วมข้อตกลงระหว่างประเทศอาจส่งผลต่อบทบาทของสหราชอาณาจักรในตลาด AI โลก โดยเฉพาะในแง่ของความร่วมมือด้านมาตรฐานและแนวปฏิบัติทางเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน ประเทศที่ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวอาจก้าวขึ้นมามีอิทธิพลมากขึ้นในเรื่องการกำกับดูแล AI ระดับโลก ซึ่งอาจส่งผลให้สหราชอาณาจักรต้องแข่งขันในบริบทที่แตกต่างไปจากเดิม
- นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้เปิดตัว “AI Opportunities Action Plan” ซึ่งประกอบด้วย 50 ข้อเสนอ เพื่อบูรณาการ AI ในภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดค่าใช้จ่าย ซี่งหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการใช้ AI แทนที่งานบางส่วนของข้าราชการ โดยมีเป้าหมายลดจำนวนข้าราชการลง 10,000 ตำแหน่ง และประหยัดงบประมาณได้ประมาณ 45 พันล้านปอนด์ภายในปี 2030
การนำ AI มาใช้ในภาครัฐต้องกำลังเร่งพัฒนาแต่ยังต้องสร้างความมั่นใจ
- ในระดับประเทศ รัฐบาลสหราชอาณาจักรเร่งผลักดันการใช้ AI ในภาครัฐ โดยมีการลงนามความร่วมมือกับ Anthropic เพื่อใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ในการพัฒนา Chatbot ที่สามารถให้บริการข้อมูลภาครัฐแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการขยายโครงการนำ AI มาใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น งานด้านนโยบาย การวิจัย และการบริหาร Supply chain
- ภาครัฐผลักดันกรอบแนวทางที่ชัดเจนในการใช้งาน AI โดยล่าสุดรัฐบาลได้เผยแพร่ “Artificial Intelligence Playbook” ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงานรัฐ แม้ว่าจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่เนื้อหาของแนวทางนี้ยังคงเป็นเพียงหลักการพื้นฐาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการกำหนดมาตรฐานที่สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้
- อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากยังไม่แน่ใจว่า AI จะส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาอย่างไร โดยผลสำรวจจาก Ipsos UK ระบุว่า 44% ของชาวอังกฤษเชื่อว่า AI จะไม่มีผลกระทบต่อการเงินส่วนบุคคลของพวกเขา ขณะที่ 16% คาดหวังว่าจะได้รับผลดี และอีก 19% คาดว่าผลกระทบจะเป็นไปในเชิงลบ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความกังวลและความไม่แน่นอนที่รัฐบาลต้องแก้ไขผ่านการให้ข้อมูลและกำหนดนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น
- นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของ AI ผ่าน "เขตส่งเสริมการเติบโต AI" (AI Growth Zones) โดยเปิดรับข้อเสนอจากหน่วยงานท้องถิ่นและภาคอุตสาหกรรม เพื่อระดมการลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านพลังงานและที่ดินสำหรับการพัฒนา AI รวมถึงการสร้างศูนย์นวัตกรรม AI ที่กว้างขึ้น ซึ่งเป้าหมายคือการขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างงานที่มีทักษะสูง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับสหราชอาณาจักรในฐานะผู้นำด้าน AI อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเหล่านี้อาจนำไปสู่การขาดแคลนน้ำ เนื่องจากศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ต้องการน้ำปริมาณมหาศาลเพื่อใช้ในการระบายความร้อนให้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การจัดการผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
บทสรุปและแนวโน้มที่น่าจับตามอง
รัฐบาลสหราชอาณาจักรเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนในการพัฒนา AI อย่างยั่งยืนและก้าวหน้า ไม่เพียงแต่ต้องผลักดันนวัตกรรมและสร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกิดการยอม พร้อมกับจัดการกับความกังวลด้านความมั่นคง และรับมือกับการแข่งขันในตลาดโลกด้วย ดังนั้น ความสำเร็จของสหราชอาณาจักรในด้าน AI จึงขึ้นอยู่กับการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมไปกับการกำกับดูแลที่โปร่งใสและสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของประชาชนได้อย่างสมดุล เพื่อที่จะเป็นผู้นำและกำหนดทิศทาง AI ระดับสากลในอนาคต
-------------------------------
Sources:
- Bloomberg – Reeves Says UK to Cut 10,000 Civil Service Jobs Ahead of Key Speech
- Financial Times – UK’s AI Strategy and Its Global Impact
- Gov.UK – AI Growth Zones: Expression of Interest
- Forrester – The UK Government Is Ready to Embrace AI—But Without Trust, It Risks Disaster
- Ipsos UK – Britons Divided on AI’s Impact as UK Government Aims for Global Leadership