Social Tokens: ทางเลือกใหม่ของการสร้างรายได้บน Web 3.0

‘Social Tokens’  เป็นอีกเทรนด์ใหญ่ที่น่าจับตามองในโลก Cryptocurrency ร่วมกับเทรนด์อื่นๆ ที่กำลังได้รับความสนใจและมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างเช่น Decentralized Autonomous Organisations (DAOs) และ Non-Fungible Tokens (NFTs) และด้วยมีการออก Social Tokens จำนวนมากโดยบุคคลมีชื่อเสียง รวมถึงสื่อกระแสหลักกำลังหันมาให้ความสนใจกับสังคมยุคใหม่ของการ Tokenized ดังนั้นในบทความนี้เรามาทำความรู้จักกับ Social Tokens กันให้มากขึ้นว่ามีประโยชน์อย่างไรและทำไมจึงเป็นเทรนด์ที่น่าติดตาม

ปัจจุบัน Content Creators ตั้งแต่ศิลปิน นักเขียน นักดนตรี หรือผู้มีชื่อเสียงในโลก Social Media ถือได้ว่าเป็นแกนหลักและเป็นผู้ขับเคลื่อนสื่อในปัจจุบัน แต่บ่อยครั้งที่พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับความพยายามหรือผลงานของพวกเขา และความสัมพันธ์ระหว่าง Creators กับผู้บริโภคหรือผู้ที่ชื่นชอบในผลงานของพวกเขาต้องผ่านตัวกลางหรือบุคคลที่สามอย่างเช่นแพลตฟอร์ม Social Media ต่างๆ และตัวกลางเหล่านี้ยังได้รับส่วนแบ่งของรายได้และมีอำนาจในการควบคุมผลงาน แต่การนำ ‘Social Tokens’ มาใช้นับว่าเป็นโอกาสดีที่ Creators สามารถรับผลตอบแทนและรางวัลสำหรับผลงานของพวกเขาได้โดยตรงและไม่ผ่านตัวกลาง และสามารถสร้างและจัดการเศรษฐกิจได้ด้วยตนเอง 

Social Tokens คืออะไร

Social Tokens เป็นสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่ง ที่แบรนด์ ชุมชน หรือผู้มีชื่อเสียงหรือผู้มีอิทธิพลในโลก Social Media สามารถใช้ Social Tokens เพื่อสร้างรายได้และเป็นรางวัลให้กับผู้ที่ติดตามผลงานของพวกเขา

และเนื่องจากผู้ที่มีอิทธิพล บุคคลมีชื่อเสียงและธุรกิจจำนวนมากในทุกวันนี้ต่างใช้แพลตฟอร์มสื่อ Social Media เพื่อสร้างรายได้จากทักษะหรือบริการของพวกเขา และโดยปกติสื่อหรือแพลตฟอร์มตัวกลางเหล่านี้ก็จะได้รับส่วนแบ่งรายได้และมีอำนาจควบคุมคอนเทนต์หรือผลงานที่ Creator สร้างขึ้น
 

แต่ ‘Social Tokens’ ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถขจัดอุปสรรคจากแพลตฟอร์มตัวกลางและนำวิธีการใหม่ของการเป็นเจ้าของ (Ownership) ในเศรษฐกิจดิจิทัล โดย Social Tokens สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ “Personal/Creator Tokens” และ “Community Tokens” ซึ่ง Token เหล่านี้เป็นระบบกระจายศูนย์และมีความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี Blockchain 

สำหรับ Personal/Creator Tokens มักถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลสาธารณะ เช่น ผู้ประกอบการหรือศิลปิน เพื่อใช้สำหรับแลกเปลี่ยนกับผลงานหรือบริการที่ Creator สร้างขึ้น ส่วน Community Tokens ถูกสร้างขึ้นเพื่อการเข้าถึงชุมชน คล้ายกันกับระบบบัตรสมาชิก (Membership) แต่ใช้เทคโนโลยี Blockchain โดยที่สมาชิกสามารถมีส่วนร่วมในคอนเทนต์ที่ Creator สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษหรือรับสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น การเข้าถึงสินค้ารุ่นที่มีจำนวนจำกัด การเข้าถึงเนื้อหาก่อนใคร และการเข้าสู่กิจกรรมแบบส่วนตัวหรือจำกัดการเข้าถึง และ Community Tokens ถูกออกและควบคุมโดยกลุ่มชุมชน หรือมักเป็นองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Autonomous Organization: DAO) 

สรุปโดยรวมคือ Social Tokens สำหรับใช้เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นค่าตอบแทนสำหรับผลงานของ Creator และใช้สำหรับการเข้าถึงชุมชนผู้ใช้หรือผู้ที่ติดตามผลงาน และผลประโยชน์ที่ได้รับจะแตกต่างกันไปตามระดับของ “Ownership” 

นอกจากนี้ Social Tokens ยังเป็นอีกคอนเซปต์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและความเคลื่อนไหวของอินเทอร์เน็ตยุค Web 1.0 สู่ Web 3.0 ที่ผู้ใช้สามารถดูแลจัดการคอนเทนต์ของตนเองได้เต็มที่ เป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้สร้างคอนเทนต์กับผู้บริโภคได้โดยตรงไม่มีตัวกลางในการทำธุรกรรม

การใช้ Social Tokens

Social Tokens สามารถนำมาใช้ได้สามวิธีหลัก คือ สำหรับการเข้าถึง แลกเปลี่ยนและลงทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้:

• การเข้าถึง: ผู้บริโภคสามารถซื้อ Token เพื่อการเข้าถึง ยกตัวอย่างกรณีการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง อย่างเช่นวงดนตรีวงหนึ่งที่ให้แฟนๆ ที่ซื้อเหรียญจำนวน 10 เหรียญเพื่อรับสิทธิประโยชน์ เช่น ไฟล์เสียงของวง และสามารถพูดคุยผ่านทางข้อความและทางวิดีโอ เป็นต้น
  
  

• การแลกเปลี่ยน: สามารถใช้ Token เพื่อเป็นสื่อกลางหรือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแลกเปลี่ยนหรือรับรายได้ของ Creator อย่างเช่นให้ผู้บริโภคสามารถบริจาคหรืออุดหนุนผลงานของ Creator
  
  

• การลงทุน: เนื่องจาก Social Tokens จะออกมาในจำนวนจำกัดและมูลค่าเพิ่มตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคสามารถแลก Token เพื่อเป็นการลงทุนได้แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงกับราคาที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม Creator สามารถใช้วิธีกระจาย Token เพื่อเป็นอีกวิธีในการสร้างรายได้ให้กับตนเองต่อไป

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่กำลังพัฒนา Social Tokens ตั้งแต่โปรเจกต์ที่เป็นศูนย์บ่มเพาะพัฒนา Social Tokens ใหม่ๆ และโปรเจกต์ที่ดำเนินการด้าน Token Marketplace ไปจนถึงโปรเจกต์ที่อำนวยความสะดวกในการพัฒนาและการออก Token รวมถึงการออกแบบระบบ Loyalty ของ Token 

Social Tokens แตกต่างกับ NFTs อย่างไร?

NFTs เป็นส่วนหนึ่งของ Social Tokens ในมุมมองโดยรวม แต่ความแตกต่างพื้นฐานระหว่าง Social Tokens และ NFT คือความสามารถในการใช้ร่วมกันได้ ซึ่ง NFT ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ และแต่ละหน่วยมีเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ในทางกลับกัน Social Tokens ใช้ร่วมกันได้และแต่ละหน่วยมีมูลค่าเท่ากันเช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrencies จึงสามารถใช้แทนกันได้ 

ส่วนในกรณีของ NFT ยกตัวอย่างเช่น ภาพวาดหนึ่งภาพจะมีมูลค่าไม่เท่ากันกับอีกภาพหนึ่ง และไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้สะดวกหากเทียบกับ Social Token ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ NFT 

หรือสรุปคือ Social Tokens นักลงทุนทุกคนจะได้ประโยชน์ สิทธิพิเศษ สิทธิ์ในงานศิลปะหรือเพลงแบบเดียวกันทุกคน แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่เป็นเจ้าของ NFT จะมีสิทธิ์เฉพาะตัวหรือเป็นเจ้าของได้เพียงคนเดียวในหนึ่งชิ้นงานของ Creator

ความเสี่ยงของ Social Tokens

เนื่องจากมูลค่าของ Token ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการผลิตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องของ Creator หากเกิดความล้มเหลวในการสร้างคอนเทนต์หรือขาดความสม่ำเสมอก็ย่อมส่งผลกระทบต่อมูลค่า Token ยกตัวอย่างเช่น หาก Creator สภาพจิตใจไม่พร้อมต่อการสร้างคอนเทนต์หรือเกิดความกังวลในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือผู้ติดตามไม่เห็นด้วย 

มีความเสี่ยงด้านการเงินที่มีปัจจัยหลักคือ Regulation ซึ่งมีกฎหมายหรือการกำกับดูแลที่ยังไม่ชัดเจนหรือยังไม่พร้อมกับสิ่งใหม่อย่าง Social Tokens ตั้งแต่ความกังวลเกี่ยวกับการโฆษณาที่ผิดกฎเกณฑ์ไปจนถึงความผิดพลาดอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงพื้นฐานที่ผู้ซื้อ Social Tokens ต้องมีความเข้าใจถึงความเสี่ยงของมูลค่าที่อาจเพิ่มหรือลดตามปัจจัยต่างๆ แต่สามารถจัดการได้หากมีความเข้าใจและศึกษาอย่างแท้จริง เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม Social Tokens นับว่าเป็นโอกาสสำคัญของวงการ Creator ที่จะได้รับค่าตอบแทนจากผลงานโดยตรง ซึ่งนับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญในแง่ของการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ และเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เม็ดเงินไปสู่นักสร้างสรรค์ได้โดยตรงและช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสนับสนุนได้อย่างเต็มที่