ทำความรู้จัก Regenerative Finance หรือ “ReFi” คอนเซปต์ที่นำมาปรับใช้บน Web 3.0 เพื่อช่วยลดปัญหา Climate Change
เทรนด์ด้านความยั่งยืนถูกให้ความสนใจและนำมาเป็นประเด็นสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึง Web 3.0 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกหรือปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาที่จำเป็นอย่างยิ่งต้องหาทางรับมือและแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภัยและการสูญเสียที่มีการคาดการณ์มากมายในปัจจุบัน
สถานการณ์การดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ข้อมูลส่วนหนึ่งจากการประชุม World Economic Forum (WEF) ในหัวข้อ Sustainable Development Impact Meetings 2022 พบว่าปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง (Climate Change) นับว่าเป็นปัญหาจากการทำงานประสานกันทั่วโลก ซึ่งมีความล้มเหลวของระบบประสานงานเรื่องนโยบายและล้มเหลวในการลงทุนเพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่ควรทำอย่างเร่งด่วนที่สุดเพื่อมนุษยชาติ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่เร่งด่วนและการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนมีความจำเป็นกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดการปล่อยลมพิษ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตมหาศาล การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน โดยความคืบหน้าในการปรับใช้ยังขาดความสม่ำเสมอ มีช่องว่างระหว่างการดำเนินการและมีสิ่งจำเป็นที่ต้องจัดการกับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น ความกังวลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของการลดคาร์บอนกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเป็นธรรมของการแบ่งภาระหน้าที่ทั่วโลกในการลดปัญหาสภาพภูมิอากาศ และความเสี่ยงของการเสียเปรียบทางการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น
ดังนั้น เทคโนโลยีการประสานงานระดับโลกที่สามารถอยู่เหนือระบบเก่าในการดำเนินการด้านสภาพอากาศเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน และ ‘Web 3.0’ เป็นนวัตกรรมที่สามารถมีส่วนช่วยจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ReFi คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Web 3.0
Regenerative Finance (ReFi) เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Blockchain และนวัตกรรม Web 3.0 เพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนการอนุรักษ์และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมไปถึงสร้างระบบการเงินที่มีความเท่าเทียมและยั่งยืนมากขึ้น
โดยอินเทอร์เน็ตยุคใหม่หรือ Web 3.0 อาศัย Blockchain ในการสร้างระบบกระจายศูนย์ หรือ “Decentralize” ที่เป็นหัวใจหลักของกระบวนการ Regenerative Finance (ReFi) ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่มีการทำงานระหว่างการดำเนินการด้านสภาพอากาศกับชุมชน Web 3.0
มีชุมชนจำนวนมากกำลังเกิดขึ้นภายในพื้นที่ ReFi โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์จาก Blockchain ร่วมกัน และมีวิสัยทัศน์คือการจัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืน
การใช้เทคโนโลยี Web 3.0 และ ReFi เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของระบบนิเวศ
ปัจจุบัน ReFi เสมือนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเพื่อจัดการกับความล้มเหลวของตลาดแบบดั้งเดิมโดยให้คำนึงถึงข้อเสียจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนและการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่มีประสิทธิภาพ และเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจสำหรับการออกนโยบายหรือแนวทางของกฎหมาย ไปจนถึงการสนับสนุนการนำมาใช้นวัตกรรม Web 3.0 เพื่อผลักดันให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษเพียงไม่กี่คน ซึ่งแนวคิดนี้กำลังเกิดความก้าวหน้า
โดยล่าสุดสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาว (Office of Science and Technology Policy: OSTP) ได้เผยแพร่รายงานที่คาดการณ์ผลกระทบจากสภาพอากาศและพลังงานของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการให้ความสำคัญกับมุมมองและขอบเขตความสำคัญกับด้านสภาพภูมิอากาศจากฝ่ายบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงมีการระบุอย่างชัดเจนถึงความสนใจในนวัตกรรมทางการเงินนี้จากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Biden ซึ่งมีการเน้นย้ำถึงความสำคัญในศักยภาพของการใช้ Blockchain เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบและลดปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี Web 3.0 รวมถึงคุณค่าและแนวคิดที่มีอยู่ในกระบวนการ ReFi สามารถนำสู่การระดมเงินทุนเพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นประเด็นที่ทาง OSTP กำลังทำการวิจัย และเนื่องจากความสนใจและการวิจัยที่มากขึ้น รวมถึงนโยบายที่เข้มงวดพร้อมกับการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ ReFi จึงส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแก่ทั้งบุคคลและธุรกิจจากการดูแลโลก
กลุ่มความร่วมมือเพื่อความยั่งยืนในโลก Crypto
การเคลื่อนไหวของ ReFi ทำให้เกิดพื้นที่สำหรับนักสร้างสรรค์และผู้สนับสนุนแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการดำเนินการด้านสภาพอากาศโดยที่ไม่ถูกขัดขวางจากระบบงานแบบเก่า โดยเครื่องมือและบริการด้านสภาพอากาศบน Web 3.0 ได้แสดงคุณค่าของ ReFi ที่แท้จริงและเป็นรากฐานที่จำเป็นของการประสานงานระดับสากลเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยคุณค่าดังกล่าว เช่น ความยั่งยืนที่สร้างสรรค์ ความร่วมมือกันในการทำงาน ความเป็นเจ้าของแบบประชาธิปไตยภายในชุมชน การเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ชุมชน เป็นต้น
Web 3.0 กับ ReFi มีส่วนช่วยโลกได้อย่างไร?
โลกสูญเสียพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนกว่า 80,000 เอเคอร์ทุกวัน ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลประมาณ 60,000 สนามต่อวัน ส่งผลกระทบต่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และสภาพภูมิศาสตร์ที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงมากกว่าสาเหตุใดๆ หรือในแอฟริกามีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อความเสื่อมโทรมของที่ดินและการกลายเป็นทะเลทราย ซึ่งการแปรสภาพเป็นทะเลทรายจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ประมาณ 45% ของพื้นที่แอฟริกา ส่วนอีก 55% ของพื้นที่นี้มีความเสี่ยงสูงหรือสูงมากที่จะเสื่อมสภาพลงอีกด้วย
และในทำนองเดียวกัน ชนพื้นเมืองก็ได้รับผลกระทบจากความเสื่อมโทรมของผืนดิน ดินและน้ำเช่นกัน และแม้จะมีคนใช้ชีวิตในชนบทประมาณ 500 ล้านคนบนโลก แต่พวกเขามักถูกกีดกันจากวาระการฟื้นฟูที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีสิทธิพิเศษที่จะมีทรัพยากรเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ชนพื้นเมืองเหล่าไม่มีทรัพยากรทางเลือกและทรัพยากรของพวกเขาก็คือ “ที่ดิน”
และ Web 3.0 มีศักยภาพที่จะบรรลุเป้าหมายในการแก้ปัญหาสภาพอากาศโดยใช้นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งอาศัยความรู้ของท้องถิ่นหรือความรู้ดั้งเดิมเฉพาะถิ่น รวมถึงการใช้วิธีการทางเลือกอื่นๆ เสริมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีโครงการ Web 3.0 จำนวนหนึ่งที่กำลังดำเนินการ ซึ่งเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของการปฏิสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง โดยมีตัวอย่าง Use Case ดังนี้
ตัวอย่างเช่น โครงการ ‘ReSeed’ ที่มีแนวคิดใหม่ในการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นทั่วโลกเพื่อสร้างสินทรัพย์คาร์บอน ซึ่งเป็นค่าตอบแทนสำหรับการลดคาร์บอนให้กับเกษตรกรทั่วโลก
โดยฟาร์มขนาดเล็กกว่า 8,723 รายของ ReSeed มีการจัดการสต๊อกคาร์บอนมากกว่าสองล้านเมตริกตัน และทาง ReSeed ขายเครดิตจากการป้องกันหรือลดคาร์บอนของพวกเขา จึงทำให้เกษตรกรหลายล้านคนสามารถมีรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้น รวมถึงมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับกลุ่มประชากรที่สำคัญกลุ่มนี้
และอีกหนึ่งตัวอย่างคือ ‘AEternals’ ซึ่งใช้แนวทางระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนในการดำเนินการด้านสภาพอากาศและอุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ป่าฝน โดย AEternals สร้างขึ้นร่วมกับองค์กร Rainforest Partnership (องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ตั้งอยู่ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งทำงานเพื่อช่วยให้ชุมชนป่าฝนในเอกวาดอร์และเปรูสามารถพึ่งพาตนเองได้ทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ให้ความรู้แก่ชุมชนในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับบทบาทของป่าฝนในการปกป้องสภาพอากาศ) ออกคอลเลกชัน NFT ที่ขับเคลื่อนบน Ethereum Blockchain ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจและเชื่อมต่อกับป่าฝนอเมซอน และ 55% ของรายได้ทั้งหมดจากการขาย NFT ของ Aeternals ได้มอบให้กับองค์กร Rainforest Partnership โดยตรงเพื่อการดูแลที่ดินและผืนป่าต่อไป
อนาคตของ ReFi
ReFi ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ตลาดคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังมีการนำมาใช้กับด้านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น DAO โดยปัจจุบันมี DAO จำนวนหนึ่งที่ใช้หลักการของ ReFi กับทุกส่วนตั้งแต่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา ไปจนถึงที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในอนาคตโครงการเหล่านี้อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่จะประสบความสำเร็จ แต่โครงการส่วนใหญ่ก็สามารถสร้างคุณค่าบางอย่างให้เกิดขึ้นและจับต้องได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
ReFi ที่เกิดขึ้นโดยการใช้หลักการดั้งเดิมของ Crpyto และถูกคาดหวังว่าจะเป็นอนาคตของ Web 3.0 จะสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยสร้างยุคต่อไปของความมั่งคั่งทางการเงิน สิ่งแวดล้อม และสังคมได้มากน้อยอย่างไร? ก็ต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต