milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
Technology
16 มีนาคม 2566
ภาษาไทย

ทำความรู้จัก Regenerative Finance หรือ “ReFi” คอนเซปต์ที่นำมาปรับใช้บน Web 3.0 เพื่อช่วยลดปัญหา Climate Change

เทรนด์ด้านความยั่งยืนถูกให้ความสนใจและนำมาเป็นประเด็นสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึง Web 3.0 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกหรือปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาที่จำเป็นอย่างยิ่งต้องหาทางรับมือและแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภัยและการสูญเสียที่มีการคาดการณ์มากมายในปัจจุบัน

Article4SEP_1200X800.jpg

สถานการณ์การดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ข้อมูลส่วนหนึ่งจากการประชุม World Economic Forum (WEF) ในหัวข้อ Sustainable Development Impact Meetings 2022 พบว่าปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง (Climate Change) นับว่าเป็นปัญหาจากการทำงานประสานกันทั่วโลก ซึ่งมีความล้มเหลวของระบบประสานงานเรื่องนโยบายและล้มเหลวในการลงทุนเพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่ควรทำอย่างเร่งด่วนที่สุดเพื่อมนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่เร่งด่วนและการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนมีความจำเป็นกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดการปล่อยลมพิษ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตมหาศาล การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน โดยความคืบหน้าในการปรับใช้ยังขาดความสม่ำเสมอ มีช่องว่างระหว่างการดำเนินการและมีสิ่งจำเป็นที่ต้องจัดการกับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น ความกังวลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของการลดคาร์บอนกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเป็นธรรมของการแบ่งภาระหน้าที่ทั่วโลกในการลดปัญหาสภาพภูมิอากาศ และความเสี่ยงของการเสียเปรียบทางการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

ดังนั้น เทคโนโลยีการประสานงานระดับโลกที่สามารถอยู่เหนือระบบเก่าในการดำเนินการด้านสภาพอากาศเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน และ ‘Web 3.0’ เป็นนวัตกรรมที่สามารถมีส่วนช่วยจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้


ReFi คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Web 3.0


Regenerative Finance (ReFi) เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Blockchain และนวัตกรรม
Web 3.0 เพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนการอนุรักษ์และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมไปถึงสร้างระบบการเงินที่มีความเท่าเทียมและยั่งยืนมากขึ้น

โดยอินเทอร์เน็ตยุคใหม่หรือ Web 3.0 อาศัย Blockchain ในการสร้างระบบกระจายศูนย์ หรือ “Decentralize” ที่เป็นหัวใจหลักของกระบวนการ Regenerative Finance (ReFi) ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่มีการทำงานระหว่างการดำเนินการด้านสภาพอากาศกับชุมชน Web 3.0

มีชุมชนจำนวนมากกำลังเกิดขึ้นภายในพื้นที่ ReFi โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์จาก Blockchain ร่วมกัน และมีวิสัยทัศน์คือการจัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืน



การใช้เทคโนโลยี Web 3.0 และ ReFi เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของระบบนิเวศ


ปัจจุบัน ReFi เสมือนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเพื่อจัดการกับความล้มเหลวของตลาดแบบดั้งเดิมโดยให้คำนึงถึงข้อเสียจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนและการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่มีประสิทธิภาพ และเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจสำหรับการออกนโยบายหรือแนวทางของกฎหมาย ไปจนถึงการสนับสนุนการนำมาใช้นวัตกรรม Web 3.0 เพื่อผลักดันให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษเพียงไม่กี่คน ซึ่งแนวคิดนี้กำลังเกิดความก้าวหน้า

โดยล่าสุดสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาว (Office of Science and Technology Policy: OSTP) ได้เผยแพร่รายงานที่คาดการณ์ผลกระทบจากสภาพอากาศและพลังงานของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการให้ความสำคัญกับมุมมองและขอบเขตความสำคัญกับด้านสภาพภูมิอากาศจากฝ่ายบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงมีการระบุอย่างชัดเจนถึงความสนใจในนวัตกรรมทางการเงินนี้จากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Biden ซึ่งมีการเน้นย้ำถึงความสำคัญในศักยภาพของการใช้ Blockchain เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบและลดปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี Web 3.0 รวมถึงคุณค่าและแนวคิดที่มีอยู่ในกระบวนการ ReFi สามารถนำสู่การระดมเงินทุนเพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นประเด็นที่ทาง OSTP กำลังทำการวิจัย และเนื่องจากความสนใจและการวิจัยที่มากขึ้น รวมถึงนโยบายที่เข้มงวดพร้อมกับการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ ReFi จึงส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแก่ทั้งบุคคลและธุรกิจจากการดูแลโลก


กลุ่มความร่วมมือเพื่อความยั่งยืนในโลก Crypto 


การเคลื่อนไหวของ ReFi ทำให้เกิดพื้นที่สำหรับนักสร้างสรรค์และผู้สนับสนุนแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการดำเนินการด้านสภาพอากาศโดยที่ไม่ถูกขัดขวางจากระบบงานแบบเก่า โดยเครื่องมือและบริการด้านสภาพอากาศบน Web 3.0 ได้แสดงคุณค่าของ ReFi ที่แท้จริงและเป็นรากฐานที่จำเป็นของการประสานงานระดับสากลเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยคุณค่าดังกล่าว เช่น ความยั่งยืนที่สร้างสรรค์ ความร่วมมือกันในการทำงาน ความเป็นเจ้าของแบบประชาธิปไตยภายในชุมชน การเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ชุมชน เป็นต้น


Web 3.0 กับ ReFi มีส่วนช่วยโลกได้อย่างไร?


โลกสูญเสียพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนกว่า 80,000 เอเคอร์ทุกวัน ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลประมาณ 60,000 สนามต่อวัน ส่งผลกระทบต่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และสภาพภูมิศาสตร์ที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงมากกว่าสาเหตุใดๆ หรือในแอฟริกามีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อความเสื่อมโทรมของที่ดินและการกลายเป็นทะเลทราย ซึ่งการแปรสภาพเป็นทะเลทรายจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ประมาณ 45% ของพื้นที่แอฟริกา ส่วนอีก 55% ของพื้นที่นี้มีความเสี่ยงสูงหรือสูงมากที่จะเสื่อมสภาพลงอีกด้วย

และในทำนองเดียวกัน ชนพื้นเมืองก็ได้รับผลกระทบจากความเสื่อมโทรมของผืนดิน ดินและน้ำเช่นกัน และแม้จะมีคนใช้ชีวิตในชนบทประมาณ 500 ล้านคนบนโลก แต่พวกเขามักถูกกีดกันจากวาระการฟื้นฟูที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีสิทธิพิเศษที่จะมีทรัพยากรเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ชนพื้นเมืองเหล่าไม่มีทรัพยากรทางเลือกและทรัพยากรของพวกเขาก็คือ “ที่ดิน” 

และ Web 3.0 มีศักยภาพที่จะบรรลุเป้าหมายในการแก้ปัญหาสภาพอากาศโดยใช้นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งอาศัยความรู้ของท้องถิ่นหรือความรู้ดั้งเดิมเฉพาะถิ่น รวมถึงการใช้วิธีการทางเลือกอื่นๆ เสริมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีโครงการ Web 3.0 จำนวนหนึ่งที่กำลังดำเนินการ ซึ่งเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของการปฏิสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง โดยมีตัวอย่าง Use Case ดังนี้ 

ตัวอย่างเช่น โครงการ ‘ReSeed’ ที่มีแนวคิดใหม่ในการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นทั่วโลกเพื่อสร้างสินทรัพย์คาร์บอน ซึ่งเป็นค่าตอบแทนสำหรับการลดคาร์บอนให้กับเกษตรกรทั่วโลก 

โดยฟาร์มขนาดเล็กกว่า 8,723 รายของ ReSeed มีการจัดการสต๊อกคาร์บอนมากกว่าสองล้านเมตริกตัน และทาง ReSeed ขายเครดิตจากการป้องกันหรือลดคาร์บอนของพวกเขา จึงทำให้เกษตรกรหลายล้านคนสามารถมีรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้น รวมถึงมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับกลุ่มประชากรที่สำคัญกลุ่มนี้

และอีกหนึ่งตัวอย่างคือ ‘AEternals’ ซึ่งใช้แนวทางระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนในการดำเนินการด้านสภาพอากาศและอุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ป่าฝน โดย AEternals สร้างขึ้นร่วมกับองค์กร Rainforest Partnership (องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ตั้งอยู่ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งทำงานเพื่อช่วยให้ชุมชนป่าฝนในเอกวาดอร์และเปรูสามารถพึ่งพาตนเองได้ทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ให้ความรู้แก่ชุมชนในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับบทบาทของป่าฝนในการปกป้องสภาพอากาศ) ออกคอลเลกชัน NFT ที่ขับเคลื่อนบน Ethereum Blockchain ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจและเชื่อมต่อกับป่าฝนอเมซอน และ 55% ของรายได้ทั้งหมดจากการขาย NFT ของ Aeternals ได้มอบให้กับองค์กร Rainforest Partnership โดยตรงเพื่อการดูแลที่ดินและผืนป่าต่อไป


อนาคตของ ReFi 


ReFi ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ตลาดคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังมีการนำมาใช้กับด้านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น DAO โดยปัจจุบันมี DAO จำนวนหนึ่งที่ใช้หลักการของ ReFi กับทุกส่วนตั้งแต่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา ไปจนถึงที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในอนาคตโครงการเหล่านี้อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่จะประสบความสำเร็จ แต่โครงการส่วนใหญ่ก็สามารถสร้างคุณค่าบางอย่างให้เกิดขึ้นและจับต้องได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

ReFi ที่เกิดขึ้นโดยการใช้หลักการดั้งเดิมของ Crpyto และถูกคาดหวังว่าจะเป็นอนาคตของ Web 3.0 จะสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยสร้างยุคต่อไปของความมั่งคั่งทางการเงิน สิ่งแวดล้อม และสังคมได้มากน้อยอย่างไร? ก็ต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต 

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Accept