โครงสร้างพื้นฐานการเงินโลกใหม่จาก Blockchain Payment บนมือถือ โดย Celo

ปฏิเสธไม่ได้ว่า DeFi เป็นแนวคิดทางการเงินที่หลายฝ่ายจับตาถึง Impact ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หนึ่งในรูปแบบการใช้งานที่น่าจะสร้างผลกระทบได้ในวงกว้างคือ Blockchain Payment ที่ปัจจุบันทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และธนาคารของประเทศต่างๆ กำลังให้ความสำคัญ ไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพบริการหรือต้นทุนที่ต่ำลง แต่มองกันถึงโอกาสการเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินของโลกเลยทีเดียว

เมื่อ Blockchain Payment กำลังเป็นประเด็นสำคัญระดับนี้ เราจึงถือโอกาสชวนทุกท่านพูดคุยกับ Rene Reinsberg Co-Founder และ CEO ของ Celo ผู้พัฒนาระบบชำระเงินด้วย Blockchain บน Smartphone และ DeFi Platform ระดับโลก ถึงความเห็นต่อสถานการณ์ของเทคโนโลยีการเงินของโลก ทั้งเรื่องของ DeFi, Stable Coin และการกำกับดูแลในมิติขององค์กรใหญ่และภาคนโยบายให้ทุกท่านได้ติดตามกัน

รู้จัก Celo หนึ่งใน DeFi Platform ที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้

Rene เล่าว่า จุดเริ่มต้นของ Celo เกิดขึ้นจากเขาและทีม Co-Founder มีประสบการณ์ในแวดวงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการเงินมายาวนานกว่า 10 ปี เห็นโอกาสจากพัฒนาการของ Blockchain ที่มีแนวโน้มเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีใหม่ได้ จึงเกิดแนวคิดการนำ Blockchain มาสร้างเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ดีกว่าเพื่อผู้คน (Better financial infrastructure for people) และเป็นที่มาของการก่อตั้ง Celo

ปัจจุบัน Celo ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้านเทคโนโลยีสำหรับนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Smartphone โดยมีทั้งบริการที่พัฒนาเองและผ่านการร่วมมือกับ Alliance for Prosperity ที่มีองค์กรธุรกิจและ Startup รวมกันนับร้อยราย ซึ่งบริการที่เด่นที่สุดของ Celo คือบริการโอนเงินผ่าน e-Wallet ที่สามารถส่งเงินได้ทั่วโลกอย่างง่ายดายผ่าน Smartphone และมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าผู้ให้บริการดั้งเดิมมาก

ปัจจุบัน Celo ได้ออก Digital Asset มา 2 ระบบ ได้แก่ CELO เป็นระบบ Blockchain แบบ Open Source เพื่อใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงินแบบ DeFi โดยมีระบบกำกับดูแลและระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม และ Celo USD เป็น Stable Coin ที่อิงมูลค่าตามเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้สำหรับการโอนเงินผ่านระบบ Blockchain ทำให้สามารถโอนเงินไปได้ทุกที่ทั่วโลกและรองรับการทำงานบน Smartphone

การเกิดขึ้นของ Diem หรือ Libra ในมุมมองของนักพัฒนา DeFi Platform

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึง Blockchain ในโลกการเงิน คงไม่มีประเด็นใดร้อนแรงไปกว่าการที่ Facebook เปิดตัว Libra ร่วมกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลกมาแล้ว ซึ่งปัจจุบัน แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งองค์กรที่ยังคงอยู่ในกลุ่ม รวมถึงชื่อซึ่งปัจจุบันคือ Diem แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธ Impact ของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้

ในมุมมองของ Rene ชี้ว่า ดีใจที่ Facebook กระโดดเข้ามาแก้ปัญหาเดียวกับเขา คือการทำให้คนเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่ง Diem เป็น Stable Coin ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองและกำลังมองไปในทิศทางที่ดี ทั้งนี้ การที่ Facebook เปิดตัว Libra จนกลายเป็น Diem ทำให้ภาคกำกับนโยบายตื่นตัว จนเกิดนโยบายต่างๆ ที่ทำให้ตลาดพัฒนาไปได้มากขึ้น

ในแง่การแข่งขัน Rene มองว่า Celo กับ Diem เลือก Approach คนละแบบ โดย Celo ออกแบบระบบที่ไร้การขออนุญาต (Permissionless) ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาร่วมเข้ารหัสธุรกรรมได้และได้รับผลตอบแทนไป ขณะที่ Diem มีองค์กรและสมาชิกกำกับดูแล Node ชัดเจน แต่ทั้งนี้ ก็ยังถือว่าเร็วไปที่จะบอกว่าระบบแบบใดกันแน่ที่จะครองตลาด แต่เขาเชื่อว่าแม้รายใหญ่จะมีโอกาสมากกว่า แต่ก็ยังมีพื้นที่บนโลกที่ระบบเล็กๆ ของใครบางคนจะเข้าไปตอบโจทย์ได้

อนาคตของ Stable Coin และการปรับตัวของผู้กำกับนโยบาย

Stable Coin เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพูดถึงในเวลานี้ เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงกับระบบการเงินเดิม รวมถึงเป็นที่สนใจอย่างมากของธนาคารกลางทั่วโลก โดย Rene ให้ความเห็นว่า ตอน Celo เริ่มพัฒนา Stable Coin ของตัวเอง ได้เห็นว่า Stable Coin เป็นนวัตกรรมที่มี Adoption รวดเร็วมาก โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เขาเห็น Project จาก Stable Coin ที่น่าสนใจเยอะมากไม่แพ้กับ Etheruem ดังนั้น การพัฒนา Protocol ให้เสถียรจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นถึงศักยภาพของ Stable Coin ทาง Rene จึงได้เล่าถึงโครงการหนึ่งจาก Alliance โดยเป็นโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการหญิงในประเทศฟิลิปปินส์ ที่ใช้ Celo USD ส่งเงินไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วง COVID-19 โดยเงินตรงนี้สามารถใช้ซื้อสินค้าต่างๆ ได้จริงผ่านการทำงานร่วมกับพ่อค้าบน Platform ที่จะรับเงินนี้และส่งของตรงถึงบ้านผู้รับความช่วยเหลือ

ศักยภาพที่ทำให้เกิดการช่วยเหลือด้านการเงินที่จบขั้นตอนได้บนดิจิทัล และการใช้งานแบบอื่นๆ ทำให้ Stable Coin และ Digital Asset อื่นๆ เป็นที่จับตาของธนาคารกลางมากขึ้น โดย Rene เชื่อว่าธนาคารกลางกำลังให้ความสนใจในประเด็นนี้ แต่การรับไปใช้คงไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด ซึ่งเหมาะสมแล้วเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความรับผิดชอบอันมีองค์ประกอบหลายอย่างรองรับซึ่งทำให้เกิดความยั่งยืน

Use Case จาก DeFi ที่จะมี Impact ในอนาคต

เมื่อถามถึงกรณีศึกษาด้านการใช้งานที่น่าสนใจจากการพัฒนา DeFi ผู้ก่อตั้ง Celo ก็ให้ความเห็นว่า เขาตื่นเต้นกับพัฒนาการของ DeFi ในทุกมิติ แต่มุมที่เขาคิดว่าเป็นประโยชน์ที่สุดคือ เปลี่ยนบริการสินเชื่อจากการมีหลักประกันเป็นแบบไม่มีการค้ำประกัน (Uncollateralized Lending) ซึ่ง Rene เชื่อว่าจะช่วยให้คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยเข้าถึงบริการทางการเงินมาก่อนสามารถเข้าถึงและเริ่มต้นตั้งตัวได้ แต่การจะทำให้ Use Case นี้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด คือต้องมีกลไกการทำงานที่ดี โดยเฉพาะการทำ Credit Scoring ที่แข็งแรง ซึ่งแนวคิดนี้สามารถต่อยอดไปยังอีก Use Case หนึ่งที่น่าสนใจคือ Peer-to-peer Lending ด้วย

ทั้งนี้ Rene มองว่า สิ่งที่โลกการเงินต้องทำคือทำให้การเข้าถึงเงินกู้และสินเชื่อเปลี่ยนจากการต้องมีหลักประกันมากเกินไป (Over-Collateralized) ค่อยลดลงจนไม่ต้องอาศัยการค้ำประกัน หากทำแบบนี้ได้ เขาเชื่อว่าจะนำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

จากเสวนาในครั้งนี้ ต้องถือว่า DeFi กำลังก้าวสู่จุดเริ่มที่ยิ่งใหญ่ในการเป็นโครงสร้างทางการเงินหลักได้อย่างน่าตื่นเต้น ในอนาคต ทิศทางของ DeFi เทคโนโลยี Blockchain และโลกการเงินจะเปลี่ยนไปอย่างไร SCB 10X จะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ติดตามกันอีกอย่างแน่นอน