‘ความปลอดภัยของข้อมูล’ ความท้าทายสำคัญของโลก METAVERSE
การเติบโตของ Metaverse นำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ สำหรับการดำเนินธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมและวิธีใหม่ๆ ที่ใช้สื่อสานกันในที่ทำงาน เช่น ช่วยปรับปรุงศักยภาพขั้นตอนการทำงานและการเข้าประชุมแบบเสมือนจริง เป็นต้น แต่วิธีการใหม่เหล่านี้ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ไม่หวังดีได้มีช่องทางใหม่เพื่อโจมตีและแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ใช้งาน Metaverse มากขึ้นด้วยเช่น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเราจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้งาน Metaverse ที่คาดการณ์กันว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายอย่างที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการศึกษาและตรวจสอบถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ให้ดีก่อนที่จะเข้าไปใช้งาน Metaverse
ดังนั้น วันนี้ SCB 10X จึงขอนำความรู้เกี่ยวกับ “ความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งานบนโลก Metaverse” มาฝากกัน
ความปลอดภัยทางไซเบอร์และ Metaverse
การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของโลกออนไลน์ยังคงเป็นความท้าทายมาจนถึงในปัจจุบัน ผู้ใช้ออนไลน์มักจะถูกขโมยข้อมูล ถูกโจมตีแบบ Phishing หรือการหลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ และพบปัญหาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยคาดว่าปัญหาด้านความปลอดภัยของข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อก้าวไปสู่โลกเสมือนจริง Metaverse
อย่างเช่น NFT ที่ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของชุมชน Metaverse ก็มีแนวโน้มในการถูกหลอกลวงเกี่ยวกับ NFT ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยก็ได้คาดการณ์ความเป็นไปได้ของการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีทางไซเบอร์จากการดักและส่งต่อข้อมูล ยกตัวอย่างเช่น การโต้ตอบกับอวทาร์อื่นๆ ระหว่างการประชุมทางธุรกิจใน Metaverse ระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจไปที่อวทาร์ที่เป็นตัวแทนของบุคคล ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถทราบได้ว่าที่แท้จริงคือใครหรือเป็นผู้ไม่หวังดีปลอมแปลงข้อมูลส่วนบุคคลเข้ามาแอบฟังการสนทนาหรือไม่ แม้อาจดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นแต่สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นจริงได้
นอกจากนี้ มีแนวคิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางคือการผสมผสานของเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการระบุตัวตนเข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้ใน Metaverse ทั้ง Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)
โดยบริษัทด้านเทคโนโลยีกำลังพัฒนาอุปกรณ์เหล่านี้ โดยการรวมเอาระบบจดจำม่านตาเข้าไปในชุด Headsets หรือระบบอ่านลายนิ้วมือไปในอุปกรณ์สำหรับควบคุม แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าผู้ใช้จะพอใจกับการที่ต้องเผยข้อมูลของตนสำหรับยืนยันตัวตนให้กับบริษัทด้านเทคโนโลยีเหล่านี้หรือไม่
การเก็บข้อมูลและความปลอดภัยของข้อมูลกับ Metaverse
ต้องยอมรับว่าระหว่างที่มีการพัฒนา Metaverse อย่างต่อเนื่อง แต่ละแพลตฟอร์มก็ย่อมมีการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลจากผู้ใช้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากในโลกเสมือนที่ผู้ใช้มีความอิสระในการใช้งานมากผู้ใช้ก็จะมีการทิ้งร่องรอยของข้อมูลเอาไว้เบื้องหลังมากด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างกรณีของยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Social Media ที่กำลังหันมาพัฒนา Metaverse อย่างเต็มที่ ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ว่าพวกเขาจะมีการเก็บข้อมูลมากน้อยอย่างไร เพราะอย่างที่ทุกคนทราบดีว่าพวกเขาต้องอาศัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมากเพื่อใช้ทำการตลาดสำหรับโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของพวกเขา
และสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนใน Metaverse ปัจจุบัน ที่การใช้อวทาร์ดิจิทัลต่างๆ เสมือนเป็นเหมืองของข้อมูลก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าผู้ใช้จะใช้สกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrencies สำหรับการซื้อและขายใน Metaverse แต่ก็ยังคงมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับการเงินในโลกความจริง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่ประสงค์ดี
รวมถึงเทคโนโลยี Blockchain ที่เป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อนกิจกรรมมากมายใน Metaverse แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูงแต่ก็สามารถเกิดช่องโหว่ได้เช่นกัน และในส่วนของระบบ Decentralized ที่ยังมีคำถามว่าใครเป็นผู้ปกป้องดูแลข้อมูลที่ถูกรวบรวม และผู้ใช้จะนำสินทรัพย์ที่ถูกขโมยคืนได้อย่างไรในกรณีที่เกิดเหตุขึ้น?
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ดีขึ้นในโลก Metaverse
เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่เกิดขึ้นมากมาย บริษัทด้านเทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามเพื่อสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและดีขึ้น เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลที่เป็นอันตราย และการรักษาความปลอดภัยที่อุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint) ด้วยการลงทุนกับซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย เช่น VPN, Proxy และซอฟต์แวร์ Antimalware ต่างๆ ก็มีความสำคัญ รวมถึงการให้ความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับภัยทางไซเบอร์ที่พบบ่อย เช่น การขโมยข้อมูลส่วนตัว และการหลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ (Phishing) เป็นต้น
และเมื่อเราก้าวไปสู่อนาคตกับ Metaverse อุปกรณ์ AR และ VR ก็มีบทบาทสำคัญ ซึ่งมึความเป็นไปได้ว่าจะมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมากขึ้น ดังนั้น อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เหล่านี้ต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาซึ่งยังต้องได้รับการพัฒนาต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ถึงการนำระบบเซนเซอร์สำหรับใช้ยืนยันตัวตนเพื่อหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนตัวในขั้นตอนการยืนยันตัวตน
นอกจากนี้ การสร้างข้อบังคับและนโยบายสำหรับยืนยันความเป็นเจ้าของของข้อมูลและสิทธิ์ต่างๆ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไป ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น โดยปัจจุบันในโลกออนไลน์จะเห็นได้ว่าบริษัทที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุดจะกลายเป็นผู้ชนะอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็น่าติดตามว่าในโลก Metaverse จะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันหรือไม่ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วผู้ใช้ต้องรู้จักปกป้องตนเองเมื่อเข้าสู่โลก Metaverse เนื่องจากระบบที่ซับซ้อนมากขึ้นอาชญากรไซเบอร์ในพื้นที่นี้ก็ย่อมมีวิธีการที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องหาความรู้และมีความเข้าใจว่าต้องใช้ข้อมูลใดบ้างเพื่อเข้าถึงเพื่อป้องกันความเสี่ยง และในส่วนบริษัทเจ้าของ Metaverse ที่รวบรวมข้อมูล ก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ ทั้งนี้ ในอนาคตธุรกิจต่างๆ ก็อาจให้ความสนใจและมีความมั่นใจในการร่วมงานกับ Metaverse มากขึ้น เมื่อปัญหาและความเสี่ยงทางไซเบอร์ต่างๆ ได้ถูกจัดการได้ดีขึ้น