milkyway 6
milkyway 7
milkyway 8
Technology
25 พฤศจิกายน 2564
ภาษาไทย

คุณสมบัติของ Blockchain ที่คุณควรรู้

ทำไม Blockchain ถึงได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา? ส่งผลให้ธุรกิจด้าน Blockchain เกิดการเติบโตมากมายโดยเฉพาะในตลาด DeFi หรือคริปโต และในบทความนี้ SCB 10X มานำเสนอคุณสมบัติเด่นของ Blockchain ที่นำพาให้เทคโนโลยีแห่งอนาคตมาสู่ความนิยมในทุกวันนี้

1200x800 Blockchain Features You Should Know 01.png

ภาพรวมของ Blockchain


ย้อนทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Blockchain กันอีกครั้ง โดย Blockchain เป็นบัญชีแยกประเภท (Ledger) ที่เปิดให้ใช้งานร่วมกันและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข ซึ่งอำนวยความสะดวกในกระบวนการบันทึกธุรกรรมและติดตามสินทรัพย์ในเครือข่ายธุรกิจต่างๆ โดยสินทรัพย์ในที่นี้ มีทั้งประเภทที่จับต้องได้ (เช่น เงินสด รถยนต์ บ้าน และที่ดิน) และที่จับต้องไม่ได้ (ทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์) โดยที่จริงแล้วสามารถติดตามและซื้อขายทุกอย่างที่มีมูลค่าได้บนเครือข่าย Blockchain ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและลดต้นทุนสำหรับทุกคนหรือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 


เหตุใด Blockchain จึงมีความสำคัญ


เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ล้วนทำงานโดยอาศัยข้อมูล ดังนั้นยิ่งได้รับข้อมูลเร็วและแม่นยำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อธุรกิจมากเท่านั้น โดย Blockchain เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการส่งข้อมูล เพราะ Blockchain สามารถนำส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แชร์ได้ง่าย และมีความโปร่งใสโดยสมบูรณ์ ซึ่งมีการจัดเก็บข้อมูลไว้ในบัญชีแยกประเภท (Ledger) ที่ไม่สามารถแก้ไข้ได้ และยังสามารถเข้าถึงได้เฉพาะสมาชิกในเครือข่ายที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น 

เครือข่าย Blockchain สามารถติดตามบัญชี คำสั่งซื้อ การชำระเงิน การผลิต และอื่นๆ อีกมากมาย และสามารถดูรายละเอียดทั้งหมดของการทำธุรกรรมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้ผู้คนมีความมั่นใจมากขึ้น ไปจนถึงประสิทธิภาพและโอกาสใหม่ๆ ที่ตามมา



ลักษณะเด่นที่สำคัญของ Blockchain ที่อาจเข้ามาแทนที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม


Blockchain ถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางและแพร่หลายโดยบริการทางการเงินสมัยใหม่ และถูกพูดถึงบ่อยขึ้นในหลายวงการ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยี Blockchain สามารถต่อยอดโลกการเงินอย่างมากมาย คืออะไรกันแน่ จึงสรุปคุณสมบัติเด่นของ Blockchain ที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาบริการทางการเงินที่เราได้เห็นกันทุกวันนี้ ดังนี้

  1. บันทึกแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

วิธีการทำงานของ Blockchain คืออาศัยการบันทึกข้อมูลเป็นรายการแบบต่อเนื่องเป็นสาย ข้อมูลที่ได้รับการบันทึกอยู่ในสายพร้อมกับทำการเข้ารหัสใหม่ทุกครั้งที่มีรายการข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไป อีกทั้งข้อมูลที่ถูกต้องจะได้รับการเข้ารหัสซ้อนเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เกิดธุรกรรม ทั้งยังกระจายสำเนาไปยังหลายๆ Node ในระบบเพื่อยืนยันความถูกต้อง ด้วยวิธีการนี้ทำให้ Blockchain เก็บข้อมูลไว้โดยที่ไม่มีใครสามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือแทรกแซงรายการข้อมูลที่ถูกบันทึกไปแล้วได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจำเป็นต้องทำธุรกรรมใหม่เพิ่มเข้าไปเท่านั้น วิธีดังกล่าวช่วยให้ Blockchain ป้องกันการโจมตีในลักษณะบิดเบือนระบบเพื่อกำหนดการทำธุรกรรมตามใจชอบได้

  1. การกระจายศูนย์

อีกหนึ่งวิธีการทำงานของ Blockchain ที่โดดเด่นมากคือการใช้หลักการกระจายศูนย์หรือ Decentralization หลักการนี้เปิดให้ผู้ใช้มีสิทธิ์เต็มที่ในการใช้งานระบบตามลักษณะหรือขอบเขตบริการของ Blockchain นั้นโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานกลางใดๆ หากอธิบายให้ง่ายคือผู้ใช้สามารถเก็บ Cryptocurrency, Digital Asset หรือแม้แต่ไฟล์เอกสาร และ Digital Art ต่างๆ บน Blockchain และเข้าถึงทั้งหมดนี้ที่ไหนก็ได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ทั้งยังควบคุมสินทรัพย์นั้นผ่าน Private Key แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยี Blockchain และได้ขับเคลื่อนโลกการเงินสู่แนวคิด Decentralized Finance ซึ่งผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยไม่ต้องผ่านการช่วยเหลือจัดการโดยธนาคารหรือสถาบันการเงินนั่นเอง

  1. ความปลอดภัยสูงด้วยระบบที่ซับซ้อน

เมื่อพูดถึง Blockchain เรามักได้ยินคำว่าปลอดภัยสูงควบคู่กันมา แต่มีน้อยคนที่จะรู้ถึงสาเหตุความปลอดภัยของมัน ซึ่งจริงๆ แล้ว Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยมากที่สุดด้วยการใช้วิธีการเข้ารหัสแบบ Cryptography ซึ่งเป็นวิธีการแปลงข้อมูลเป็นรหัสเฉพาะผ่านการคำนวณโดยคอมพิวเตอร์ หากข้อมูลเป็นชุดเดียวกันทั้งหมด รหัสที่ออกมาจะเหมือนกันทั้งหมด แต่หากข้อมูลมีการดัดแปลงแม้เพียงส่วนเดียว รหัสทั้งหมดจะเปลี่ยนไป ดังนั้น การดัดแปลงข้อมูลและสวมรอยเพื่อบิดเบือนธุรกรรมเข้าไปใน Blockchain จึงเป็นไปได้ยากมาก อีกทั้งยังป้องกันการสอดส่องข้อมูลด้วยการเข้ารหัสดังกล่าว เพราะรหัสไม่สามารถย้อนกลับเป็นข้อมูลได้โดยง่าย และมีเพียงผู้ใช้เท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ด้วย Private Key และทำการส่งต่อข้อมูลได้ด้วย Public Key

  1. ความเร็วสูงแม้ทำธุรกรรมข้ามโลก

Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มที่ด้วยการเป็นตัวเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลดิจิทัลที่เข้าถึงได้เพียงเข้าถึงอินเทอร์เน็ต พร้อมกับมี Ecosystem ที่อำนวยความสะดวกด้านการจัดการธุรกรรมและความปลอดภัยอย่างเป็นอัตโนมัติ การทำธุรกรรมบน Blockchain จึงมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่น้อยกว่า ยกตัวอย่างเรื่องการส่งเงินข้ามประเทศ เดิมทีเราต้องพึ่งพาตัวแทนผู้ให้บริการซึ่งอาจกินเวลาดำเนินธุรกรรมให้เราเป็นวัน แต่หากเราส่งเงินผ่าน Blockchain ระบบจะสามารถดำเนินการเรียบร้อยใน 30 นาทีหรือเร็วกว่านั้น การสร้างกระบวนการให้เกิดความเร็วดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของโลกการเงินซึ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงสู่ยุค Decentralized Finance ในเร็ววันนี้ 

และข้อเท็จจริงที่สนใจอีกประการหนึ่งคือระบบสัญญาอัจฉริยะ หรือ Smart Contract ซึ่งจะทำให้การชำระบัญชีเร็วขึ้นไม่ว่าจะเป็นสัญญาประเภทใด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในประโยชน์ที่ดีที่สุดของคุณสมบัติเด่นของ Blockchain จนถึงทุกวันนี้ รวมถึงยังตัดตัวกลางหรือ Third Party ออกไปก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินได้โดยเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น?


สรุป


Blockchain ไม่ได้เป็นเพียงกระแสที่มาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยคุณสมบัติและการใช้งานที่เกิดขึ้นมากมายทุกวันนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในหลายด้าน รวมถึง Blockchain ได้ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่หลากหลายประเภทไว้ด้วยกัน หากผู้คนสามารถนำข้อดีหรือคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Blockchain ออกมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ก็จะสามารถสร้างสิ่งใหม่ที่ดีต่อหลายฝ่ายได้ในอนาคต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า Blockchain เป็นอีกเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนโลกได้

Use and Management of Cookies

We use cookies and other similar technologies on our website to enhance your browsing experience. For more information, please visit our Cookies Notice.

Accept